มาจากไหนกันแน่!! จับเรือประมง มีพิรุธ ติดธงชาติไทย กัปตันไต้หวัน ลูกเรืออินโดฯ แต่อ้างจดทะเบียนโบลิเวีย  ทำเอากองทัพเรือภาค 3 งงเป็นไก่ตาแตก

พลเรือโท สุรพล คุปตะพันธ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 (ผอ.ศรชล.เขต 3) ประธานแถลงข่าวกรณีการควบคุมเรือประมงสัญชาติโบลิเวีย

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่บริเวณท่าเรือศรีไทย ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พลเรือโท สุรพล คุปตะพันธ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 (ผอ.ศรชล.เขต 3) ประธานแถลงข่าวกรณีการควบคุมเรือประมงสัญชาติโบลิเวีย จำนวน 7 ลำ มีผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่างๆ ใน ศรชล.เขต 3 อาทิ ทัพเรือภาคที่ 3 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต สำนักงานแรงงานจังหวัดภูเก็ต ประมงจังหวัด ตำรวจน้ำ ฯลฯ ร่วมแถลง

สำหรับการควบคุมเรือประมงสัญชาติโบลิเวียในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 16 พ.ย.59 ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ได้สั่งการให้ ศรชล.เขต 3 ทำการตรวจสอบเรือประมงสัญชาติโบลิเวีย จำนวน 9 ลำ หน่วยงานต่างๆ ใน ศรชล.เขต 3 จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ เมื่อ 17 พ.ย.59 ผลการตรวจสอบพบว่ามีเรือจอดอยู่ที่ท่าเรือ จำนวน 7 ลำ ส่วนอีก 2 ลำ คือเรือ YUTUNA NO.1 นั้น แจ้งประสงค์จะเข้าจอดแต่ไม่ได้เข้าจอด และเรือ SHENG JI QUN 3 ได้ออกเรือไปแล้ว เมื่อ 15 พ.ย.59 เรือทั้งหมดเป็นเรือประมงเบ็ดทูน่า โดยกล่าวอ้างว่ามาจอดเรือเพื่อซ่อมทำตัวเรือ  โดยเรือนั้นติดธงชาติไทย แต่กัปตันเรือส่วนใหญ่เป็นชาวไต้หวัน ลูกเรือเป็นชาวอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ทุกคนมีเอกสารถูกต้อง แต่ในส่วนของเรือการตรวจสอบนั้นพบพิรุจเกี่ยวกับทะเบียนเรือที่ระบุเป็นสัญชาติโบลิเวีย ว่าจะเป็นเอกสารที่ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากเรือแต่ละลำมีเอกสารไม่เหมือนกัน

 

ดังนั้นจึงสั่งการให้เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ตรวจสอบกับทางการของประเทศโบลิเวีย ต่อมาในวันที่ 22 พ.ย.59 ทางโบลิเวียได้แจ้งให้ทราบว่า เรือประมงทั้ง 9 ลำ ไม่ได้จดทะเบียนสัญชาติโบลิเวีย หรือมีใบอนุญาตทำการประมงของโบลิเวีย ดังนั้นสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต จึงได้รวบรวมหลักฐานและแจ้งความดำเนินคดีกับตัวแทนเจ้าของเรือ จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท เซี่ยงเฮา จำกัด บริษัท ยี่หงส์ ฟิชเชอรรรี่ จำกัด และ บริษัท ซ่วน หยิง จำกัด โดยได้แจ้งความที่ สภ.วิชิต ในข้อหานำเอกสารปลอมมาจดแจ้งการรายงานเข้า-ออก เป็นความผิดฐานปลอมและเอกสารปลอม โดยแจ้งความอันเป็นเท็จ

 

สำหรับเรือทั้ง 7 ลำ จะดำเนินการออกจากท่าได้ เมื่อเจ้าของเรือมีการนำเอกสารระบุสัญชาติและประเทศที่จดทะเบียน มายืนยัน ปัจจุบันเรือดังกล่าวเปรียบเสมือนเรือไร้สัญชาติ

พลเรือโท สุรพล กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้เป็นไปตามแนวทางการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย IUU ตามมาตรการ ณ ท่าเทียบเรือที่จะต้องมีการตรวจสอบเรือประมงต่างชาติที่ขอเข้าเทียบท่าเทียบเรือของไทยเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม โดยเรือต่างชาติต้องขออนุญาตรัฐเจ้าของท่าก่อนที่จะนำเรือเข้าเทียบท่าและต้องแจ้งข้อมูลต่างๆ รวมถึงข้อมูลทะเบียนเรือ อุปกรณ์จับสัตว์น้ำ และตู้สินค้าแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์
ภาพโดย มติชนออนไลน์