"โดนัลด์ ทรัมป์" ประกาศ วางมือทางธุรกิจ เลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน เดินหน้าบริหารประเทศ พาเศรษฐกิจสหรัฐฯ โต 3-4 เปอร์เซนต์

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศถอนตัวจากอาณาจักรธุรกิจเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ แต่ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดมากนัก ทำให้หลายฝ่ายกังวลกับบทบาททับซ้อนของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารั

สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รายงาน ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศถอนตัวจากอาณาจักรธุรกิจเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ แต่ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดมากนัก ทำให้หลายฝ่ายกังวลกับบทบาททับซ้อนของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า
       
       โดนัลด์ ทรัมป์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เจ้าของโรงแรม และกอล์ฟรีสอร์ตจากปานามาจดสกอตแลนด์ เปิดเผย ในการแถลงข่าวในวันที่ 15 ธันวาคม ที่จะถึง เขาจะแจกแจงแผนการแยกตัวเองจากเครือข่ายธุรกิจทั่วโลก ซึ่งรวมถึงธุรกิจไวน์ บริษัทโมเดลลิ่ง และอีกมากมาย
       
       ทั้งนี้ หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 เดือนที่แล้ว ทรัมป์ ออร์แกไนเซชันประกาศว่ากำลังพิจารณาโครงสร้างธุรกิจใหม่เพื่อถ่ายโอนการควบคุมไปยังลูก 3 คนที่โตหมดแล้วและบริหารงานอยู่ในบริษัท ได้แก่ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์, อิแวนกา ทรัมป์ และอิริก ทรัมป์
       
              
       บรรดานักวิจารณ์ต่างตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของลูกๆ ของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อยู่ในคณะกรรมการบริหารของทีมถ่ายโอนอำนาจทำเนียบขาวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเหตุการณ์เมื่อต้นเดือนที่แล้วที่ อิแวนกา ทรัมป์ นั่งอยู่ด้วยระหว่างที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ คุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครีของอาร์เจนตินา รวมทั้งร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประโยชน์ทับซ้อน
       

ก่อนหน้านี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยยืนกรานว่า ตนไม่จำเป็นต้องตัดขาดจาก ทรัมป์ ออร์กาไนเซชัน แต่เมื่อวันพุธ เขาบอกว่า แม้กฎหมายไม่ได้บังคับให้เขาถอนตัวจากธุรกิจ แต่เขารู้สึกว่า ในฐานะประธานาธิบดีไม่ควรมีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์จากธุรกิจ
       
       ขณะที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน กำลังจะเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนหน้า สมาชิกรัฐสภาจากเดโมแครตจึงพากันจับจ้องมากขึ้นและเรียกร้องให้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ความกระจ่างเรื่องอาณาจักรธุรกิจ
       

 


       อนึ่ง กฎเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านผลประโยชน์สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารไม่บังคับใช้กับประธานาธิบดี แต่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะอยู่ภายใต้กฎหมายสินบน กฎการเปิดเผยข้อมูล และรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ที่ได้รับเลือกตั้งรับของกำนัลจากรัฐบาลต่างประเทศ
       
       สำนักงานจริยธรรมรัฐบาลออกแถลงการณ์ยกย่องเป้าหมายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมแนะนำว่า การขายหุ้นทั้งหมดในธุรกิจจะดีกว่าแค่การโอนอำนาจการควบคุมให้บุคคลอื่น
       
       ขณะเดียวกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่วุ่นวายกับการสรรหาคณะรัฐมนตรีและตำแหน่งอื่นๆ ในคณะบริหารมาหลายสัปดาห์ แย้มเมื่อวันพุธว่า จะเสนอชื่อสตีเวน มนูชิน ผู้ดูแลการระดมเงินบริจาคทางการเมืองเพื่อการหาเสียงของตน เป็นรัฐมนตรีคลัง

สตีเวน มนูชิน  ว่าที่ขุนคลังคนใหม่ของอเมริกาเผยว่า การปฏิรูปภาษีและการยกเครื่องข้อตกลงทางการค้าคือเป้าหมายสำคัญอันดับแรกของคณะบริหารชุดใหม่ที่มีเป้าหมายสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในอัตรา 3-4%
       
       
สตีเวน มนูชิน เป็นอดีตนายธนาคาร ของโกลด์แมนแซคส์ ยังส่งสัญญาณว่า ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกการถือหุ้นในแฟนนี เมและเฟร็ดดี้ แม็ก บริษัทที่ทำธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ทางการจัดตั้งขึ้น ความเคลื่อนไหวนี้จะมีนัยสำคัญต่อการซื้อและผ่อนบ้านของคนอเมริกัน ว่าที่รัฐมนตรีคลังยังแย้มว่า ควรผ่อนคลายกฎด้านการธนาคารเพื่อกระตุ้นการปล่อยกู้
       
       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังเสนอชื่อวิลเบอร์ รอสส์ มหาเศรษฐีที่โด่งดังจากการลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ โดยการเสนอชื่อผู้รับตำแหน่งทั้งสองคนนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา
       
       สื่อรายงานว่า ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังเล็งแต่งตั้งแกรี คอห์น ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของโกลด์แมน แซคส์ คุมสำนักงบประมาณทำเนียบขาวหรือตำแหน่งอื่น
       
       ตัวเลือกในทีมเศรษฐกิจเหล่านี้ได้รับการยกย่องจากบิสซิเนส ราวด์เทเบิลที่เป็นตัวแทนบริษัทใหญ่ที่สุดของอเมริกา
       
       ทว่า วุฒิสมาชิกเดโมแครต เบอร์นี แซนเดอร์ส และเอลิซาเบธ วอร์เรน วิจารณ์ว่า การแต่งตั้งมนูชินที่ถือเป็นลูกหม้อวอลล์สตรีท เท่ากับเป็นการปากว่าตาขยิบ เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยหาเสียงไว้ว่า จะล้างบางนายแบงก์วอลล์สตรีทในวอชิงตัน
       
       แอนโทนี สการามักซี ผู้จัดการสินทรัพย์และสมาชิกคณะกรรมการถ่ายโอนอำนาจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ แก้ต่างว่า คณะบริหารต้องมีทั้งคนในที่เข้าใจระบบ และคนนอกที่เป็นนักคิดที่สร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ และตัวตัดเกม
       
       นอกจากนั้น นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังสาระวล กับการจัดทีมนโยบายต่างประเทศซึ่งยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการเสนอชื่อรัฐมนตรีต่างประเทศในเร็วๆ นี้

 



เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์