มารยาการเมือง ผู้นำไต้หวัน สายตรง โดนัลด์ ทรัมป์  ทำสัมพันธ์ จีน สหรัฐฯ ระอุอีกครั้ง

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ทวีตข้อความผ่านบัญชีส่วนตัว @realDonaldTrump เมื่อวันศุกร์ ว่าขอบคุณที่ประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน ผู้นำไต้หวัน โทรศัพท์สายตรงมาร่วมแสดงความยินดีต่อชัยชนะในการเ

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ทวีตข้อความผ่านบัญชีส่วนตัว @realDonaldTrump เมื่อวันศุกร์ ว่าขอบคุณที่ประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน ผู้นำไต้หวัน โทรศัพท์สายตรงมาร่วมแสดงความยินดีต่อชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา และเปรยคล้ายเป็นการ "ดักคอ" ว่า "น่าสนใจ" ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ขายอาวุธให้ไต้หวันเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กลับมีปฏิกิริยาเมื่อเข้ารับโทรศัพท์จากทางไต้หวัน

ขณะที่ทีมงานด้านการถ่ายโอนอำนาจของนายโดนัลด์ ทรัมป์เผยแพร่แถลงการณ์ว่า ทั้งสองฝ่ายสนทนากันในหลานประเด็นที่ครอบคลุมการเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง อีกทั้งนอกเหนือจากผู้นำไต้หวัน ทรัมป์ยังสนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ผู้นำสิงคโปร์ และประธานาธิบดีอัชราฟ กานี แห่งอัฟกานิสถาน ด้านนายอเล็กซ์ หวง โฆษกรัฐบาลไทเป ยืนยันว่าการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำไต้หวันกับว่าที่ผู้นำสหรัฐ เป็นไปตามกำหนดการที่มีการระบุช่วงเวลาเอาไว้นานแล้ว 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการ "แหวกม่านประเพณี" ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐ เนื่องจากนับตั้งแต่ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ประกาศยอมรับนโยบาย "จีนเดียว" เมื่อปี 2522 โดยยังไม่มีประธานาธิบดีหรือว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดสนทนาทางโทรศัพท์สายตรงกับประธานาธิบดีไต้หวัน  หรือพบหารืออย่างเป็นทางการกับผู้นำรัฐบาลไทเป

 

แม้รัฐบาลจีนยังสงวนท่าทีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( เอ็นเอสซี ) ออกมากล่าวภายในเวลาอันรวดเร็ว ว่าจุดยืนของสหรัฐฯที่มีต่อไต้หวัน "ยังเหมือนเดิม" คือความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบทีมีเสถียรภาพและสันติ พร้อมทั้งยืนยันว่าทำเนียบขาวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ด้านนายคริส เมอร์ฟีย์ วุฒิสมาชิกรัฐคอนเนตทิคัตของพรรครีพับลิกัน และสมาชิกคณะกรรมาธิการด้านวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภา กล่าวว่าเป็นสัญญาณเริ่มแรกของการเปลี่ยนนโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวัน แต่เตือนทรัมป์ว่าหากต้องการทำแบบนี้จริง ถือว่า "อันตราย"
 

 

ทางด้าน นายหวัง อี้ รมว.กระทรวงการต่างประเทศของจีน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟีนิกซ์ของฮ่องกง นอกรอบการเข้าร่วมงานประชุมด้านการศึกษารายการหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ เกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กับประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน ผู้นำไต้หวัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าแม้เป็นการใช้ "เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง" ของฝ่ายไทเป แต่สำหรับแผ่นดินใหญ่ถือเป็น "เรื่องมโนสาเร่" และรัฐบาลจีนไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นโยบายจีนเดียว "ก็ยังเหมือนเดิม"

ขณะเดียวกัน นายหวังกล่าวด้วยว่า แผ่นดินใหญ่มองท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลไทเปไม่มีทางสั่นคลอนจุดยืนอันยาวนานของสหรัฐฯ ที่มีต่อความเป็นจีนเดียวเช่นกัน โดยหมายถึงการที่ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ถือเป็นผู้นำสหรัฐคนแรกซึ่งประกาศยอมรับนโยบายจีนเดียว เมื่อปี 2522 และนับจากนั้นไม่เคยมีประธานาธิบดีหรือว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใดพบปะอย่างเป็นทางการ หรือสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำไต้หวันมาก่อน จนกระทั่งมาเกิดขึ้นกับทรัมป์

แม้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พบหารือครั้งประวัติศาสตร์เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ที่สิงคโปร์ กับประธานาธิบดีหม่า อิง-จิ่ว ผู้นำไต้หวันในตอนนั้น สร้างความเหวังให้หลายฝ่ายว่าความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบอาจได้รับการฟื้นฟู แต่สถานการณ์มีแนวโน้มแย่ลงเมื่อน.ส.ไช่ซึ่งมีนโยบายถอยห่างจากแผ่นดินใหญ่ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนม.ค. ปีนี้

ด้านนางเคลลีแอนน์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาของทรัมป์ ยืนยันว่าที่ผู้นำสหรัฐฯทราบดีว่านโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา "เป็นอย่างไร" ขณะที่ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนทนาระหว่างทรัมป์กับผู้นำไต้หวัน และขอให้ทรัมป์ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ

 

ทั้งนี้ ทรัมป์สร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลจีน หลายครั้งตั้งแต่ช่วงหาเสียง ด้วยการกล่าวย้ำเสมอว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 45% และกล่าวว่าจีนเจตนาทำ "สงครามค่าเงิน" กับสหรัฐฯด้วยการกดค่าเงินหยวนให้ต่ำกว่าความเป็นจริง

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์