แปลกแต่จริง งานนี้ไม่มีสหรัฐฯ!! "ปูติน" แถลง รัสเซีย ตุรกี ซีเรีย ตกลงร่วมกันหยุดยิงกับกลุ่มกบฎทั่วประเทศ แต่สหรัฐฯ ไม่เอาด้วย

สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รายงานข่าว ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้แถลงข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศระหว่างรัฐบาลซีเรียและพวกกลุ่มกบฎ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่เที่ยงคืนวันพฤหัสบดี ที่ 29ธ.ค. เป็นต้นไป
       
       คำแถลงของรัสเซียมีขึ้นหลังจากรัสเซีย อิหร่านและตุรกี บอกว่าพวกเขาพร้อมเป็นคนกลางของข้อตกลงสันติภาพในสงครามกลางเมืองซีเรียที่ยืดเยื้อมาเกือบ 6 ปีแล้ว กองทัพซีเรียแถลงหยุดการสู้รบทั่วประเทศ แต่บอกว่าพวกไอเอส และกลุ่มก่อการร้ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสองกลุ่มนี้ จะไม่ถูกนับรวมในข้อตกลงดังกล่าว แต่ไม่ได้ยืนยันว่ามีกลุ่มใดบ้างที่ถูกกีดกันจากข้อตกลงหยุดยิงทางด้านฝั่งกลุ่มกบฎ ก็เห็นด้วยกับแผนหยุดยิง 


 

       
       ทางด้านผู้นำรัสเซีย ได้เปิดเผยว่ากลุ่มกบฏและรัฐบาลซีเรีย ลงนามในเอกสารจำนวนมาก ในนั้นรวมถึงการหยุดยิง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในช่วงค่ำคืนวันที่ 29-30 ธันวาคม  นอกจากนั้น ก็บอกบอกต่อว่า ทางด้านรัสเซีย ก็จะทำการลดการประจำการของทหารในซีเรีย อีกด้วย

 

       
      

 

       ส่วนทางด้านสหรัฐฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจานี้ และไม่มีคิวเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพรอบต่อไปในกรุงอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน พันธมิตรหลักของรัสเซีย       การไม่มีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ตอกย้ำให้เห็นถึงความรู้สึกผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆของตุรกี และรัสเซีย ต่อนโยบายซีเรียของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย บอกว่าอเมริกาควรเข้ารวมกระบวนการสันติภาพ เมื่อว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง  โดยข้อตกลงนี้ซึ่งมีตุรกีและรัสเซียรับหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกัน เกิดขึ้นแม้ว่าตุรกี และรัสเซีย จะให้การสนับสนุนคนละฟากฝั่งของสงคราม โดยตุรกียืนกรานว่าประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ต้องลงจากอำนาจ แต่รัสเซียให้การสนับสนุนผู้นำรายนี้
       
       นอกจากนั้นความต้องการของกองทหารจากฮิซบอลเลาะห์  ก็ไม่ตรงกับอิหร่าน ผู้สนับสนุนคนสำคัญของผู้นำซีเรีย แม้ว่านักรบฮิซบอลเลาะห์จะสู้รบเคียงข้างกองกำลังรัฐบาลซีเรียเช่นกัน โดยกองกำลังนักรบต่างชาติเหล่านี้ก็ต้องเดินทางออกจากซีเรียเช่นกัน
       
       ภายใต้กรอบข้อตกลงระหว่าง 3 ชาติ ซีเรียอาจถูกแบ่งเป็นโซนของมหาอำนาจในภูมิภาคอย่างไม่เป็นทางการ และ ประธานาธิบดี บาซาร์ อัล-อัสซาด จะยังคงเป็นผู้นำซีเรียต่อไป

 

ก่อนหน้านี้ทางด้าน กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายผ่อนคลายข้อจำกัดในการส่งมอบอาวุธแก่พวกกบฏ ถูกกำหนดอยู่ในกฎหมายงบประมาณกลาโหมใหม่ของสหรัฐฯ และรัสเซียมองว่าก้าวย่างดังกล่าวคือความเคลื่อนไหวที่เป็นกำลังสร้างปัญหาให้กับทางด้านรัฐบาลซีเซีย และรัสเซีย โดยตรง
       
           
       มาเรีย ชาคาโรวา กล่าวในถ้อยแถลงต่อว่า "การตัดสินใจดังกล่าวเป็นภัยคุกคามโดยตรงกับกองทัพอากาศรัสเซีย บุคลากรทางทหารอื่นๆของรัสเซีย และต่อสถานทูตของเราในซีเรีย ซึ่งเคยถูกโจมตีมากกว่า 1 ครั้ง เพราะฉะนั้นเรางมองก้าวย่างนี้ในฐานะปรปักษ์"

ทางด้านโฆษกของรัสเซียรายนี้ยังกล่าวว่า  บารัค โอบามา ด้วยการวางกับระเบิดไว้ให้ทางด้านว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการตามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ต่อ เพื่อให้เกิดความยุ่งยากในการบริหารงาน

 

       
       เช่นเดียวกับทางด้าน ประธานาธิบดี เรเซป เตอร์ยิบ เออร์โดกัน ของตุรกี ได้ออกมาระบุมีหลักฐานว่ากองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ในนั้นรวมถึงพวกไอเอส กลุุ่มนักรบเคิร์ดวายพีจีและพีวายดี พร้อมกล่าวหาตะวันตกละเมิดคำสัญญาในซีเรีย
       
              
       ยอดตายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆของกำลังพล เกิดขึ้นในขณะที่กองทัพตุรกีพยายามยึดเมืองอัล-บับคืนจากไอเอส และตุรกี เองเริ่มหมดความอดทนต่อกรณีที่ปฏิบัติการต่างๆของพวกเขาไม่ค่อยได้รับสนับสนุนจากพันธมิตรนานาชาติต่อต้านไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ
       
       ตุรกีต้องเผชิญการต้านทานอย่างดุเดือดในสมรภูมิรบยึดคืนเมืองอัล-บับ ที่อยู่ห่างจากชายแดนตุรกี ลงไปทางใต้ราว 25 กิโลเมตร

ผู้นำตุรกี ยังได้คร่ำครวญว่านอกจากไม่ช่วยสนับสนุนตุรกีแล้ว พวกตะวันตกยังให้การหนุนหลังหน่วยปกป้องประชาชนชาวเคิร์ด วายพีจี  และพรรคสหภาพประชาธิปไตยเคิร์ดหรือว่าพีวายดี ที่ทำงานทางภาคพื้นในซีเรียร่วมกับสหรัฐฯ และไอเอสพร้อมระบุว่าตุรกีสามารถพิสูจน์ได้จากทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ
         
       ผู้นำตุรกีรายนี้บอกว่าตุรกียืนเคียงข้างรัสเซีย ที่สนับสนุนให้นำทุกฝ่ายของความขัดแย้งซีเรียร่วมโต๊ะเจรจาสันติภาพที่ร่วมด้วยเหล่าชาติมหาอำนาจ ในกรุงอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าพวกกลุ่มก่อการร้ายไม่ควรถูกนับรวมด้วย และตุรกีต้องการเห็นการมีส่วนร่วมของพันธมิตรอ่าวเปอร์เซีย อย่างซาอุดีอาระเบียและกาตาร์

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์