"รัสเซีย" ส่งกองเรือแปซิฟิก เยือน "ฟิลิปปินส์" เผย พร้อมซ้อมรบร่วมกัน หลังจาก "ดูเตอร์เต" ประกาศ ไม่เอา "สหรัฐฯ"

กองทัพเรือรัสเซียประกาศแผนซ้อมรบร่วมกับฟิลิปปินส์ในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะที่เรือรบรัสเซีย 2 ลำได้สร้างประวัติศาสตร์แวะจอดพักที่อ่าวมะนิลา ของฟิลิปปินส์

สำนักข่าวเอเจนซี่ส์ รายงาน ว่ากองทัพเรือรัสเซียประกาศแผนซ้อมรบร่วมกับฟิลิปปินส์ในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะที่เรือรบรัสเซีย 2 ลำได้สร้างประวัติศาสตร์แวะจอดพักที่อ่าวมะนิลา  ของฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นการติดต่อสัมพันธ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างกองทัพของทั้ง 2 ชาติ หลังจากที่ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ประกาศหันหลังให้สหรัฐฯ

 

"รัสเซีย" ส่งกองเรือแปซิฟิก เยือน "ฟิลิปปินส์" เผย พร้อมซ้อมรบร่วมกัน หลังจาก "ดูเตอร์เต" ประกาศ ไม่เอา "สหรัฐฯ"
       
       พล.ร.ต.เอดูอาร์ด มิคาลอฟ รองผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกของรัสเซีย แถลง ว่า กิจกรรมซ้อมรบร่วมจะเน้นหนักไปที่การต่อต้านโจรสลัด และลัทธิก่อการร้าย ซึ่งถือเป็นภัยความมั่นคงอันดับต้นๆ ที่ทั้งสองชาติให้ความสำคัญ
ส่วนทางด้านฟราสซิสโก คาบูเดา ผู้บัญชาการกองทัพเรือฟิลิปปินส์ ได้จัดพิธีต้อนรับการมาเยือนของเรือ แอดมิรัล ทริบัตส์ และเรือเติมเชื้อเพลิง โบริส โบตูมา พร้อมระบุว่า นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่เรือรบจากรัสเซียมาเยือนฟิลิปปินส์
       
       ฟิลิปปินส์นอกจากจะเป็นอดีตอาณานิคมของสหรัฐฯแล้ว ยังเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่เข้มแข็งที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชียตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา และมีข้อตกลงกลาโหมร่วมกัน

ความใกล้ชิดระหว่างฟิลิปปินส์ กับสหรัฐฯ เริ่มจะเปลี่ยนเป็นความหมางเมิน เมื่อ ผู้นำฟิลิปปินส์ ซึ่งยอมรับว่า ตนเองเป็น นักสังคมนิยม ได้ใช้เวลาในช่วง 6 เดือนแรก หลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำฟิลิปปินส์หันไปผูกมิตรกับมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียแทน โดยทางผู้นำฟิลิปปินส์ ได้เคยข่มขู่หลายครั้งว่าจะลดระดับ หรือแม้กระทั่งตัดขาดความสัมพันธ์ทางทหารและการทูตกับทางสหรัฐฯ  รัฐบาลของเขาได้ยุติการซ้อมรบประจำปีกับสหรัฐฯ และยังประกาศชัดเจนว่าต้องการให้ทหารอเมริกันออกไปจากฟิลิปปินส์อีกด้วย
       
       ความเป็นปฏิปักษ์นี้เริ่มก่อตัวขึ้น หลังจากที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ออกมากล่าวติเตียนการทำสงครามกวาดล้างยาเสพติดของ โรดริโก ดูเตอร์เต ซึ่งเป็นเหตุให้มีคนถูกสังหารไปแล้วมากกว่า 6,000 คน
       
       เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ดูเตอร์เต ได้ขู่จะยกเลิกข้อตกลงกลาโหมกับสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน หลังถูกสหรัฐฯ ตัดทอนเงินช่วยเหลือ โดยประกาศโบกมือ ายบาย อเมริกา และบอกว่า ฟิลิปปินส์สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึงพาสหรัฐฯ
       
       ก่อนหน้านั้น ตอนไปเยือนจีน ผู้นำฟิลิปปินส์ ก็ได้กล่าวต่อบรรดานักธุรกิจในจีนว่า เขาได้ ปรับตัวเข้ากับกระแสค่านิยม ของจีน และยังกล่าวต่ออีกด้วยว่าบางทีผมอาจจะไปเยือนรัสเซียเพื่อพูดคุยกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน และบอกเขาว่า มีเรา 3 ประเทศ คือ จีน ฟิลิปปินส์ และ รัสเซีย อยู่ฝ่ายเดียวกันในโลกใบนี้
       
       เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ ระบุว่า ผู้นำฟิลิปปินส์ มีแผนจะเดินทางเยือนรัสเซียเอย่างเป็นทางการในช่วงเดือน เม.ย. หรือไม่ก็ พ.ค. ขณะที่เจ้าตัวก็เคยแบะท่าว่า พร้อมจะเปิดโอกาสซ้อมรบร่วมกับทั้งจีนและรัสเซีย

 

"รัสเซีย" ส่งกองเรือแปซิฟิก เยือน "ฟิลิปปินส์" เผย พร้อมซ้อมรบร่วมกัน หลังจาก "ดูเตอร์เต" ประกาศ ไม่เอา "สหรัฐฯ"

"รัสเซีย" ส่งกองเรือแปซิฟิก เยือน "ฟิลิปปินส์" เผย พร้อมซ้อมรบร่วมกัน หลังจาก "ดูเตอร์เต" ประกาศ ไม่เอา "สหรัฐฯ"

ทั้งนี้เมื่อกลางเดือนธันวาคม สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในกรุงมะนิลา ได้ออกคำแถลง  ว่า สหรัฐฯ จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะบริหาร ของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต เพื่อแก้ไขคลี่คลายปัญหาข้อข้องใจต่างๆ ที่อาจจะมีกัน แต่คำแถลงไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากกว่านี้
       
       การออกแถลงการณ์ดังกล่าวนั้น เนื่องจาก ผู้นำฟิลิปปินส์ ได้ ตอบโต้สหรัฐฯ ทันที หลังจากที่“มิลเลเนียม แชลเลนจ์ คอร์เปอเรชั่น” ซึ่งเป็นหน่วยงานให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่ต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ แถลงช่วงสัปดาห์ที่แล้วว่า คณะกรรมการบริหารของตนเลื่อนลงมติเรื่องการจัดสรรแพกเกจให้ความช่วยเหลือก้อนใหญ่ก้อนใหม่แก่ฟิลิปปินส์ออกไปก่อน เพื่อจะได้ตรวจสอบทบทวนให้มากขึ้น สืบเนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการเข่นฆ่าผู้ต้องสงสัยแบบใช้ศาลเตี้ย ในสงครามกวาดล้างยาเสพติดของผู้นำฟิลิปปินส์  โดยทางด้านผู้นำฟิลิปปินส์ ได้กล่าวย้ำว่า  ฟิลิปปินส์ สามารถอยู่รอดได้ โดยไม่ได้ต้องรับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ  และที่สำคัญ โรดริโก ดูเตอร์เต ได้ย้ำว่า  จะยื่นหนังสือบอกกล่าวเหมือนกัน เตรียมตัวถอนออกไปจากฟิลิปปินส์ได้เลย เตรียมตัวเอาไว้ได้เลยสำหรับการยกเลิกกันแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือการเพิกถอนข้อตกลงให้กองทหารเข้ามาเยือน

 

ทั้งนี้ เขากำลังอ้างอิงถึงสัญญาข้อตกลงที่ทำกันเมื่อปี 1998 ซึ่งเปิดทางให้กองทหารอเมริกันผลัดเวียนเดินทางเข้าไปเยือนฟิลิปปินส์ เพื่อการซ้อมรบร่วมกับฝ่ายฟิลิปปินส์  สัญญาฉบับนี้เองซึ่งเปิดทางให้กองทหารสหรัฐฯเข้าไปช่วยเหลือฟิลิปปินส์ในการจำกัดควบคุมการก่อความไม่สงบอย่างรุนแรงของกองกำลังอาวุธมุสลิมในภาคใต้ รวมทั้งช่วยเหลือฝึกอบรมและติดอาวุธกองทหารฟิลิปปินส์ในการเผชิญหน้ากับจีนในน่านน้ำทะเลจีนใต้ที่พิพาทกันอยู่
       

 

      
       ผู้นำฟิลิปปินส์ ยังได้ดถึงรัสเซียว่า สามารถที่จะเป็นพันธมิตรรายสำคัญมากของฟิลิปปินส์ได้ “พวกเขาไม่ดูหมิ่นคนอื่นๆ พวกเขาไม่ได้แทรกแซงใคร” 

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์