กะว่าล้างโคตร!! "สหรัฐฯ" ขึ้นบัญชีดำ "ฮัมซา บินลาเดน" ลูกชาย "อุซามะห์ บิน ลาเดน" เพราะกลัวโดนแก้แค้นแทนพ่อ

สำนักข่าวเอเอฟพี ได้รายงานว่า สหรัฐฯ ได้เพิ่มชื่อฮัมซา บิน ลาเดน บุตรชายของ อุซามะห์ บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์ ในบัญชีดำก่อการร้าย       ฮัมซา บิน ลาเดน อายุราว 20 ปี กว่า เคลื่อนไหวในฐานะนักโฆษณาชวนเชื่อของอัลกออิดะห์ นับตั้งแต่พ่อของเขาถูกกองกำลังพิเศษสหรัฐฯบุกสังหารในปากีสถานเมื่อปี 2011 ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมแหล่งหลบซ่อนตัวของอุซามะห์ บิน ลาเดน ในปากีสถาน หน่วยซีลแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯพบจดหมายของ ฮัมซา บิน ลาเดน เขียนถึงผู้นำอัลกออิดะห์ที่เกิดในซาอุดีอาระเบีย ร้องขอเข้ารับการฝึกฝนเพื่อเดินตามรอยผู้เป็นพ่อ

      
       แหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลว่า  อุซามะห์ บิน ลาเดน  กำลังวางแผนก่อนหน้านี้ เพื่อให้ลูกชายคนนี้ ซึ่งเวลานั้นถูกกักบริเวณในอิร่าน ก้าวขึ้นเป็นผู้นำของอัลกออิดะห์      นับตั้งแต่ อุซามะห์ บิน ลาเดน เสียชีวิต อัยมัน อัล-ซาวอฮิรี ผู้ช่วยชาวอียิปต์ของเขา ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่ ฮัมซา บิน ลาเดน  ยังเผยแพร่ข้อความเสียงส่งถึงเหล่าผู้สนับสนุนอยู่เป็นประจำ

 

       
       

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กำหนดชื่อของ ฮัมซา บิน ลาเดน ลงในบัญชีพวกก่อการร้ายระดับโลกซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมากเป็นพิเศษ นั่นหมายความว่าพลเมืองอเมริกาถูกห้ามคบค้ากับเขา และทรัพย์สินใดๆที่อยู่ขอบเขตอำนาจกฎหมายสหรัฐฯจะถูกอายัด
       
       เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ฮัมซา  บินลาเดน กล่าวในคลิปเสียงที่ถูกโพสต์เผยแพร่ทางออนไลน์ ประกาศขู่จะแก้แค้นสหรัฐฯ ที่ลอบสังหารพ่อของเขา พร้อมสัญญาจะเดินหน้าการต่อสู้ของอัลกออิดะห์ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก เพื่อต่อต้านสหรัฐฯและพันธมิตรของพวกเขา
       
       “เราจะเดินหน้าทำการโจมตีพวกคุณ และตั้งเป้าหมายเล่นงานพวกคุณในประเทศของพวกคุณเองตลอดจนในต่างแดน เพื่อเป็นการตอบโต้ที่พวกคุณกดขี่ประชาชนในปาเลสไตน์, อัฟกานิสถาน, ซีเรีย, อิรัก, เยเมน, โซมาเลีย และดินแดนอื่นๆ ของชาวมุสลิมก็ไม่ได้รอดพ้นการกดขี่ของพวกคุณเช่นกัน”

 

สำหรับอุซามะห์ บิน ลาเดน (Osama Bin Laden) หรือ โอซามา บิน ลาเดน เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2500 เป็นลูกคนที่ 17 จากทั้งหมด 57 คนของมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งแห่งซาอุดิอาระเบีย ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย

          เมื่อ อุซามะห์ บิน ลาเดน อายุได้ 13 ปี พ่อของเขาก็ได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทำให้เขาได้รับมรดกจำนวนมหาศาล และส่งผลให้เขากลายเป็นเด็กที่เติบโตมากับความร่ำรวย จนเมื่อเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยคิง อับดุง อาซิซ ก็ได้ตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการต่อต้านโซเวียต ของชาวอัฟกานิสถาน ซึ่งเขาได้สนับสนุนเงินจำนวนมหาศาลให้กับขบวนการนี้ รวมถึงยังร่วมรบกับนักรบมูจาฮีดีนในสมรภูมิก่อสู้กับกองทัพโซเวียตอีกด้วย และในช่วงเวลานี้เองที่กลุ่มอัลกออิดะห์ได้ถือกำเนิดขึ้น บิน ลาเดน ได้จัดตั้งกลุ่มนี้ขึ้น เพื่อรวบรวมกลุ่มนักรบอาหรับที่ต่อสู้กับโซเวียตในคราวนั้น และกลุ่มอัลกออิดะห์นี้ก็ได้ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับ บิน ลาเดน ตลอดมา

          และเมื่อปี ค.ศ.1990 (พ.ศ.2533) กองทัพอิรักเข้ายึดคูเวต จนนำไปสู่สงครามอ่าวเปอร์เซีย บิน ลาเดน ได้ขอให้กษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย ระดมกองกำลังจากอัลกออิดะห์ไปเพื่อป้องกันประเทศ แต่กษัตริย์ซาอุดิอาระเบียกลับไปเชื้อเชิญกองทัพอเมริกาเข้ามาแทน ซึ่งทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวจุดชนวนความแค้นให้กับบิน ลาเดน

          หลังจากสหรัฐฯ ชนะสงครามอ่าวเปอร์เซียแล้ว กองทัพสหรัฐฯ ก็ยังคงปักหลักปักฐานอยู่ในซาอุดิอาระเบียไม่ไปไหน ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ บิน ลาเดน แค้นมากขึ้น เพราะเห็นว่ากองทัพสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนนอกศาสนา ลบหลู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกมุสลิมและประกาศสงครามศาสนา ทำให้ บิน ลาเดน เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการออกมาวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย พร้อมกับแสดงความไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และในที่สุด รัฐบาลซาอุดิอาระเบียก็ได้ถอดความเป็นพลเมืองของบิน ลาเดน

           เมื่อไม่ได้มีสัญชาติซาอุดิอาระเบียอีกต่อไปแล้ว บิน ลาเดน ได้ย้ายไปอยู่ที่ซูดาน ในปี 1991 (พ.ศ.2534) แต่อพยพไปอยู่ซูดานได้เพียง 5 ปีเท่านั้น เขาก็ถูกเนรเทศออกจากซูดาน และแฝงตัวเข้าไปในอัฟกานิสถาน และด้วยความคิดเกี่ยวกับศาสนาที่เคร่งครัดของ บิน ลาเดน และกลุ่มตอลีบาน ทำให้เขากลายเป็นพวกเดียวกับตอลีบานไปในที่สุด

หลังจากนั้น เมื่อปี 1993 (พ.ศ.2536) ก็เกิดเหตุระเบิดที่เวิลด์เทรด ในนครนิวยอร์ค ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมแล้วกว่า 1,000 คน ทางการสหรัฐฯ ซึ่งทราบดีว่า บิน ลาเดน ตั้งตัวเป็นศัตรูของสหรัฐฯ มาโดยตลอด ได้เชื่อมโยงเหตุระเบิดตึกเวิลด์เทรดว่า เป็นฝีมือของบิน ลาดิน และต่อมา บิน ลาเดน ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในอีกหลาย ๆ เหตุการณ์ เช่น เหตุระเบิดที่เมืองริยาดห์ ซาอุดิอาระเบีย ปี 1995 (พ.ศ.2538), เหตุระเบิดเมืองโลบา ซาอุดิอาระเบีย ปี 1996 (พ.ศ.2539), เหตุระเบิดสถานทูตสหรัฐในเคนย่า และแทนซาเนีย ปี 1998 (พ.ศ.2541), เหตุระเบิดพลีชีพโจมตีเรือรบนอกชายฝั่งเยเมน ปี 2000 (พ.ศ.2543), และเหตุวินาศกรรมครั้งสำคัญ นั่นคือ เหตุการณ์ 911 หรือเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด ในนิวยอร์ค เมื่อปี 2001 (พ.ศ.2544) จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่า 3,000 คน

           จากเหตุวินาศกรรมครั้งรุนแรงครั้งนี้ ทำให้สหรัฐฯ ต้องการตัว บิน ลาเดน มากที่สุด แต่กลุ่มตอลีบานกลับไม่ส่งตัว บิน ลาเดน มาดำเนินคดีแต่อย่างใด ในที่สุดสหรัฐฯ จึงได้ประกาศทำสงครามในอัฟกานิสถาน เพื่อตามล่าตัว บิน ลาเดน และหลังจากได้ทำสงครามกันนั้น กลุ่มตอลีบานก็ล่มสลาย และบิน ลาเดน ก็หายตัวไปในที่สุด แต่ในระหว่างที่เขาหายตัวไปนั้น บิน ลาเดน ได้ใช้สถานีโทรทัศน์อัลจาซีเราะห์ เป็นกระบอกเสียงในการประณามสหรัฐฯ และปลุกระดมให้มุสลิมทั่วโลกต่อต้านสหรัฐฯ และทำสงครามทางศาสนากับสหรัฐฯ

           และแม้ว่า บิน ลาเดน จะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของสหรัฐฯ แต่สำหรับโลกมุสลิมแล้ว บิน ลาเดน คือวีรบุรุษผู้เก่งกาจกล้าหาญตัวจริง จึงมีผู้ศรัทธาและมีเครือข่ายการก่อการร้ายร่วมมือกับอัลกออิดะห์ไม่น้อย และก่อเหตุระเบิดหลายแห่งตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา แต่ในที่สุด บิน ลาเดน ก็ต้องจบชีวิตลง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมทีผ่านมา จากปฏิบัติการของสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดี บารัก โอบามา ได้ออกแถลงข่าวอย่างเป็นทางการแล้วว่า สหรัฐฯ สามารถจับตาย บิน ลาเดน ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้หลายประเทศออกมายิ้มร่าแสดงความยินดีที่ผู้ก่อการร้ายหมายเลข 1 ได้เสียชีวิตลงแล้ว

         แต่ดูเหมือนว่า การเสียชีวิตของ บิน ลาเดน ครั้งนี้ จะไม่ทำให้การก่อการร้ายสิ้นสุด กลับกันยิ่งเป็นการจุดชนวนความแค้นให้กับเครือข่ายของ บิน ลาเดน มากขึ้น ซึ่งเรื่องราวการก่อการร้ายของเครือข่ายนี้จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ ก็คงต้องติดตามและเฝ้าระวังกันต่อไป

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์