ล้างบาง!! "โดนัลด์ ทรัมป์" สั่งล้างบาง "เอกอัครราชทูตอเมริกา" ที่แต่งตั้งโดย "บารัค โอบามา" ก่อนรับตำแหน่ง

ในขณะที่ใกล้ถึงวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 45 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม นี้ แต่ขณะนี้ บรรดาทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศต่าง ๆ ก็ทะยอยลาออกกันอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่ใกล้ถึงวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 45 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 20 มกราคม นี้ แต่ทว่าจากการรายงานของโตรอนโต สตาร์ สื่อแคนาดา วันที่ 6 ม.ค ล่าสุดชี้ว่า บรูซ เฮย์แมน  เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำแคนาดา ที่ถูกแต่งในสมัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ปี 2014 ได้ยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่ง และจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ที่ 20 มกราคม นี้ 
       
มีข่าวเล็ดลอดกันออกมาว่า ทีมงานจัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้ทูตสหรัฐฯทั่วโลกที่ถูกแต่งตั้งภายใต้รัฐบาลพรรคเดโมแครตของ บารัค โอบามา ต้องลาออกจากตำแหน่งภายในวันพิธีสาบานตน

 

ล้างบาง!! "โดนัลด์ ทรัมป์" สั่งล้างบาง "เอกอัครราชทูตอเมริกา" ที่แต่งตั้งโดย "บารัค โอบามา" ก่อนรับตำแหน่ง
       

 

 

ผลจากคำสั่งดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อเอกอัครราชทูตอเมริกาใน 80 ประเทศทั่วโลก เช่น ทูตสหรัฐฯประจำจีน ญี่ปุ่น อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย อังกฤษ เยอรมัน และทั่วยุโรป รวมไปถึง แคนาดา นิวซีแลนด์ และประเทศไทย 
       

 
       
       และสื่อแคนาดายังรายงานเพิ่มเติมว่า การประกาศลาออกของ บรูซ เฮย์แมน นั้นเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำนิวซีแลนด์ มาร์ก กิลเบิร์ต  แถลงการณ์ผ่านทางทวิตเตอร์ไปยังรอยเตอร์แสดงความจำนงยื่นใบลาออก โดยระบุว่าผมจะลาออกในวันที่ 20 มกราคม นี้
       
ทางด้าน มาร์ก กิลเบิร์ตเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เป็นคำสั่งของทีมงานจัดการเปลี่ยนผ่านอำนาจ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งผ่านทางเคเบิลการติดต่อทางการทูตของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ โดยลงนามในวันที่ 23 ธ.ค 2016 สั่งการให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯทุกคนที่ถูกแต่งตั้งในสมัย บารัค โอบามา ลาออกภายในวันพิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยไม่มีข้อยกเว้น

ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกมาเปิดเผยกับ NBC NEWS ล่าสุดในวันอาทิตย์ว่า อันตรายอย่างร้ายแรงต่อคำสั่งการปลดทูตสหรัฐฯทั่วโลกพร้อมกัน นั้นทำให้เกิดความไม่แน่นอนเป็นระยะเวลาร่วมเดือนต่อจุดที่อ่อนไหวในบางพื้นที่ของโลก และกระทบตรงไปยังสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
       

 

จุดยืนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการที่ต้องการให้เอกอัครราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางการเมืองต้องออกจากตำแหน่ง โดยไม่มีข้อยกเว้น เกิดขึ้นในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นเสี่ยงที่ สหรัฐฯจะถูกตัดช่องทางการสื่อสารทางตรงไปยังประธานาธิบดีสหรัฐฯในขณะที่รัฐสภาคองเกรสต้องอยู่กับกระบวนการที่ใช้ระยะเวลาในการแต่งตั้งผู้ที่จะมารับทำหน้าที่ต่อจากคนเหล่านั้น
       

 

 


ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องกฎข้อบังคับที่ระบุว่า เอกอัครราชทูตที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังจะสิ้นสุดจากสมัยการดำรงตำแหน่ง จะต้องลาออกภายในสมัยสุดท้ายของประธานาธิบดีคนนั้น  แต่อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องปฎิบัติทางพฤตินัยที่พบว่า มีนักการทูตสหรัฐฯบางส่วนใช้ระยะเวลาที่จะทำการลาออกจากตำแหน่งหลังจากนั้น โดยอาจจะยืดระยะเวลาออกไปเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน หลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่แล้ว        
 

เอกอัคคราชทูตใน 80 ประเทศที่ถูกแต่งตั้งภายใต้รัฐบาลของบารัค โอบามา ต้องลาออกจากตำแหน่งพร้อมกันภายในเที่ยงวันศุกร์นี้จริง จะทำให้ตำแหน่งผู้ควบคุมสถานทูตสหรัฐฯในประเทศสำคัญทั่วโลก รวมไปถึง จีน ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และประจำหน่วยงานระหว่างประเทศ เป็นต้นว่า ประจำองค์การหน่วยงานปัญหาด้านสตรี จะต้องว่างลงพร้อมกันในทันที
       
ขณะที่การเลือกผู้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯคนใหม่ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาคองเกรส แต่ถึงแม้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พรรคการเมืองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ คุมทั้งสองสภา แต่กระนั้นเชื่อว่า นักการทูตเหล่านี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยร่วมเดือนจึงจะได้รับการเห็นชอบ”

 

  ล้างบาง!! "โดนัลด์ ทรัมป์" สั่งล้างบาง "เอกอัครราชทูตอเมริกา" ที่แต่งตั้งโดย "บารัค โอบามา" ก่อนรับตำแหน่ง

ล่าสุดนั้น มีรายงานข่าวว่า ทางด้าน แคโรไลน์ เคนเนดี  ได้ลาออกจากตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) สถานเอกอัครราชทูตระบุ สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง 3       แคโรไลน์ เคนเนดี เป็นบุตรเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ของอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ.เคนเนดี ของสหรัฐฯ ที่ถูกลอบสังหารเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2013 ในขณะที่ผู้บังคับบัญชาของเธอ บารัค โอบามา กำลังให้ความสำคัญกับเอเชียในขณะที่เผชิฐกับการผงาดขึ้นมาของจีนและเกาหลีเหนือที่คาดเดาไม่ได้  โดยผู้ที่จะมาแทนเคนเนดียังไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดยว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
       
       แคโรไลน์ เคนเนดี  มีชื่อเสียงอย่างมากในญี่ปุ่น เธอมักไปเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว-สึนามิเมื่อปี 2011 เธอยังเข้าร่วมพิธีรำลึกในฮิโรชิมา และนางาซากิ เป้าหมายของการทิ้งระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2  นอกจากนี้ แล้ว แคโรไลน์ เคนเนดี ไปเยือนฮิโรชิมาร่วมกับประธานาธิบดีโอบามา นับเป็นการเยือนโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อยู่ในตำแหน่งครั้งแรก

และทางด้าน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นที่ร่วมทางมากับ บารัค โอบามา ไปเยือนเพิร์ลฮาร์เบอร์เมื่อเดือนธันวาคม เปิดบทใหม่ทางการทูตสำหรับอดีตคูสงครามนี้ 75 ปีหลังจากการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวของญี่ปุ่นที่ชักนำอเมริกาเข้าสู่สงคราม
       
เธอยัง เป็นพยานการเจรจาอันตึงเครียดเกี่ยวกับการย้ายฐานทัพสหรัฐฯในโอกินาวาซึ่งรับรองกว่าครึ่งหนึ่งของทหารอเมริกัน 47,000 คนที่ประจำการในญี่ปุ่น

 

 

ล้างบาง!! "โดนัลด์ ทรัมป์" สั่งล้างบาง "เอกอัครราชทูตอเมริกา" ที่แต่งตั้งโดย "บารัค โอบามา" ก่อนรับตำแหน่ง

ล้างบาง!! "โดนัลด์ ทรัมป์" สั่งล้างบาง "เอกอัครราชทูตอเมริกา" ที่แต่งตั้งโดย "บารัค โอบามา" ก่อนรับตำแหน่ง


เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์