- 19 ม.ค. 2560
นายวิลเบอร์ รอสส์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงพาณิชย์ ของสหรัฐฯ ได้เข้าตอบคำถาม กับคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ของวุฒิสภา
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า การใช้นโยบายการค้าแบบคุ้มกันและการโดดเดี่ยวตัวเองจากกระบวนการการค้าโลก ไม่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใด และประเทศขนาดใหญ่ไม่ควรเอาเปรียบทางการค้าต่อประเทศเล็กกว่า พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมโลกเพิ่มความเป็นเอกภาพในการปกป้องสิ่งแวดล้อม และการปราบปรามการก่อการร้าย รวมถึงการลดระดับการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังได้พูดถึง การแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศ และการเดินหน้าสร้าง พันธมิตร กับทุกประเทศบนโลก โดยสำหรับสหรัฐฯ จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ แต่ไม่ลงลึกในรายละเอียด และการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สร้างสรรค์กับรัสเซีย ขณะที่นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น กล่าวยกย่องผู้นำจีน ถึงในเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาคมโลก ว่าจีนจะก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำบนโลกยุคปัจจุบัน ที่เป็นแบบพหุภาคี
ทุกฝ่ายตีความหมายของการพูดของผู้นำจีนในครั้งนี้ว่า เป็นการสื่อความบางอย่างไปถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งต้องการใช้นโยบายต่างประเทศในแบบที่ต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ
ขณะที่นายวิลเบอร์ รอสส์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงพาณิชย์ ของสหรัฐฯ ได้เข้าตอบคำถาม กับคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ของวุฒิสภา โดยได้มีการพาดพิงจีนว่า จีนเป็นประเทศที่ปิดกั้นการค้ามากที่สุด ในบรรดาประเทศขนาดใหญ่ทั้งหมด และรัฐบาลสหรัฐฯ ในอนาคตจะหาทางเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้แก่บริษัทอเมริกันที่ทำธุรกิจในจีน และการ จัดการ กับสินค้านำเข้าจากจีน
นอกจากนี้ ทางด้านว่าที่ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ยังได้ วิจารณ์รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ในจีนคือหน่วยงานที่เป็นปัญหา เนื่องจาก 1 ใน 3 ไม่เคยสร้างผลกำไร แต่กลับผลิตเหล็กและอลูมิเนียมออกมาเป็นจำนวนมาก และตั้งราคาตัดกับกระแสโลก อย่างไรก็ตาม และย้ำว่า ประเทศใดก็ตามที่ทำการค้าอย่างไม่ยุติธรรมสมควรได้รับการลงโทษจากสหรัฐฯสถานหนัก
นอกจากนั้นแล้ว เขายังได้ พูดถึงกรณีที่นักธุรกิจใหญ่ของจีนหลายคนเข้ามาซื้อหุ้น หรือครอบครองกิจการแทบทั้งหมดของบริษัทบันเทิงหลายแห่งในอเมริกา โดยกล่าวว่าแต่รัฐบาลจีน กลับไม่เปิดโอกาสเช่นเดียวกันนี้ ให้กับบรรดานักธุรกิจ สหรัฐฯ ที่จะไปลงทุนในจีน อย่างเท่าเทียมกัน
เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์