- 22 ม.ค. 2560
เปิดประวัติ พิธีสาบานตนอันศักดิ์สิทธิ์ ประธานาธิบดีสหรัฐในแต่ละยุค
"พิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นพิธีอย่างทางการของการเปลี่ยนผ่านอำนาจ และในพิธีสาบานตนครั้งแรกของจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรก จัดขึ้นที่ศาลาว่าการนครนิวยอร์กเมื่อ 30 เม.ย.2332 โดยกล่าวคำปฏิญาณว่า ผมขอสาบานว่าจะบริหารงานในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาด้วยความซื่อสัตย์ และทำหน้าที่อย่างดีที่สุดตามความสามารถ เพื่อรักษา คุ้มครองและปกป้องรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา เขายังเพิ่มประโยคว่า ขอพระเจ้าอำนวยพร ทำให้ประธานาธิบดีรุ่นต่อมาล้วนกล่าวคำนี้ จากนั้นเขากล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภา โดยในช่วงค่ำมีพิธีเฉลิมฉลองโดยจุดพลุ 13 ลูก และยิงปืนใหญ่ 13 นัดและในพิธีสาบานตนสมัยที่สองของวอชิงตันในปี 2336 เขากล่าวสุนทรพจน์เพียง 135 คำ ซึ่งเป็นสุนทรพจน์รับตำแหน่งที่สั้นที่สุด"
48 ปีต่อมา ประธานาธิบดีวิลเลียม เฮนรี แฮร์ริสัน กล่าวสุนทรพจน์ยาวถึง8,495 คำ และหลังใช้เวลาพูดเกือบ 2 ชม.ท่ามกลางอากาศหนาว โดยไม่ได้สวมเสื้อโค้ทสำหรับฤดูหนาว ทำให้เขาป่วยด้วยโรคปอดอักเสบและเสียชีวิตในหนี่งเดือนถัดมากลายเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดต่อมาภายใต้บทแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 20 เปลี่ยนกำหนดวันสาบานตนรับตำแหน่งจากเดือนมี.ค.เป็น 20 ม.ค.
ขณะที่แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์ เป็นประธานาธิบดีคนสุดท้ายที่สาบานตนใน 4 มี.ค.2476 และหลังได้รับเลือกตั้งอีกสมัย เขาจึงเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่สาบานตนใน 20 ม.ค.2480 เขายังเป็นคนแรกที่ริเริ่มธรรมเนียมไปโบถส์ช่วงเช้าวันสาบานตน ทำให้มีการปฏิบัติสืบต่อกันมา" "ขณะที่หนึ่งในหลายสุนทรพจน์รับตำแหน่งยอดเยี่ยม คือ สุนทรพจน์ในปี 2504 ของจอห์น เอฟ เคนเนดี ประธานาธิบดีอายุน้อยที่สุด โดยประโยคที่กินใจชาวอเมริกันจวบจนทุกวันนี้ คือ "จงอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน จงถามว่าท่านจะทำอะไรเพื่อประเทศชาติ" ซึ่งปลุกสำนึกความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของพลเมืองชาวอเมริกัน
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ได้เข้าร่วมพิธีสาบานตน เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมกล่าวสุนทรพจน์ดังนี้
"เรา ประชาชนชาวอเมริกัน กำลังร่วมกันในความพยายามที่ยิ่งใหญ่ของชาติ ในอันที่จะสร้างประเทศอีกครั้งและนำอนาคตที่ดีมาสู่ประชาชนทั้งมวล
เราจะร่วมกันกำหนดเส้นทางของอเมริกาด้วยกันและของโลก ในอีกหลายๆ ปีต่อจากนี้ เราจะเจอกับสิ่งท้าทายและเผชิญกับความยากลำบาก แต่เราจะทำงานนี้สำเร็จให้ได้
ในทุกสี่ปี เรารวมมาอยู่กันที่แห่งนี้ เพื่อดำเนินการส่งผ่านอำนาจอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยความสงบ พวกเราซาบซึ้งต่อความช่วยเหลือที่สง่างามของประธานาธิบดีโอบามา และสตรีหมายเลขหนึ่งมิเชล โอบามา ทั้งคู่ยอดเยี่ยมมาก และผมขอขอบคุณมา ณ ที่นี้"
"งานวันนี้มีความหมายพิเศษ เพราะวันนี้ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากรัฐบาลหนึ่งไปสู่รัฐบาลหนึ่งเพราะเป็นการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากกรุงวอชิงตันไปยังพวกท่านทุกคน ซึ่งก็คือประชาชนสหรัฐฯ"
"เป็นเวลายาวนานเกินไปที่คนกลุ่มเล็กๆ ในเมืองหลวงของประเทศที่ได้ประโยชน์จากรัฐบาล ขณะที่ประชาชนโดยรวมแบกรับภาระไว้
กรุงวอชิงตันรุ่งเรืองแต่ประชาชนไม่ได้รับความมั่งคั่งที่เกิดขึ้น นักการเมืองรุ่งเรือง แต่โอกาสการจ้างงานหายไปและโรงงานปิดตัวลง
กลุ่มอำนาจเก่าปกป้องผลประโยชน์ตนเอง แต่ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชน ชัยชนะของกลุ่มอำนาจเก่าไม่ใช่ชัยชนะของพวกท่าน
กลุ่มอำนาจฉลองชัยชนะของพวกเขา แต่ไม่มีอะไรที่ครอบครัวที่กำลังลำบากทั่วประเทศได้เฉลิมฉลองด้วย
การเปลี่ยนแปลงนั้นกำลังเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ เวลานี้ เพราะเวลานี้เป็นเวลาของพวกท่าน
เวลานี้เป็นเวลาของทุกคนที่มา ณ ที่แห่งนี้ ในวันนี้ และทุกคนกำลังเห็นประจักษ์อยู่ทั่วประเทศ วันนี้เป็นวันของพวกท่าน การเฉลิมฉลองนี้เป็นงานของท่าน และที่นี่คือสหรัฐอเมริกา ประเทศของท่าน"
"สิ่งสำคัญที่สุดที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าพรรคใดได้ครองรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่ว่าประชาชนได้ควบคุมรัฐบาลนั้นหรือไม่"
เรียบเรียง : articha