อาจถึงเวลาล่มสลาย!!"สหรัฐฯ" เตรียมยื่นเรื่อง พ้นสมาชิกยูเอ็น หลัง "ทรัมป์" วิจารณ์ "ไร้น้ำยา" อาจไล่พ้นสหรัฐฯ งดจ่ายเงินอุดหนุน

สำนักข่าวอาร์ที ของรัสเซีย ได้รายงานข่าวว่า ไมค์ โรเจอร์ สังกัดพรรครีพับรีกัน จากรัฐอลาบามา ได้ทำการเสนอกฎหมายสู่สภา เพื่อให้ ถอนสหรัฐฯ ออกจากสมาชิกสหประชาชาติ หรือยูเอ็น โดยอ้างว่ายูเอ็นไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรสำหรับสหรัฐฯ ซึ่งทางด้าน ไมค์ โรเจอร์ และ สมาชิกพรรครีพับลิกัน ที่ให้การสนับสนุนกฎหมายดังกล่าวนั้น บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ภาษีของสหรัฐฯ ไม่ควรถูกนำไปใช้ประโยชน์อื่นใด ที่ไม่ได้ส่งประโยชน์กลับมายังคนอเมริกัน

 

ที่ผ่านมานั้นสหรัฐฯ เป็นประเทศใหญ่ที่ได้ทำการจ่ายเงินอุดหนุนให้กับทางด้านสหประชาชาติ หรือว่ายูเอ็น ปีละหลายพันล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ซึ่ง ทำให้สหรัฐฯ นั้นเสียงบประมาณ ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ของสหประชาติเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าเป็น การจ่ายอุดหนุนให้กับองค์การอนามัยโลก ใหักับการรักษาสันติภาพในภูมิภาคต่าง ๆ ที่ทางสหรัฐฯ จะต้องส่งกำลังทหาร และ อาวุธเข้าไปสนับสนุนในการปฎิบัติการแต่ละครั้ง ซึ่งทำให้เสียงบประมาณ อย่างมหาศาล

 

นอกจากนั้นแล้วทางด้าน ไมค์ โรเจอร์ ก็ได้บอกว่า สหประชาชาติ หรือว่า ยูเอ็น นั้นเป็นหน่วยงานที่ไม่มีศักยภาพ เป็นเพียงแค่หน่วยงานที่มานั่งประชุมกัน แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาใดใหักับสมาชิกได้เลยสักครั้ง ซึ่งสอดคล้องกับ ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยได้ วิจารณ์การทำงานขององค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่าเป็นเพียงองค์กร ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อคนกลุ่มหนึ่งมาสังสรรค์ สนุกสนานกันเท่านั้น และยังย้ำว่า องค์กรแห่งนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงไปหลังจากตัวเขา นั้นขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยความเห็นดังกล่าวนั้นมีขึ้นหลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ลงมติให้ประณามรัฐบาลอิสราเอล ที่อนุมัติการสร้างชุมชนใหม่ชาวยิว ในเขตเวสต์ แบงค์ และเยรูซาเลมตะวันออก ที่กำลังเป็นประเด็นพิพาทกับชาวปาเลสไตน์

 

ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ เขียนข้อความในทวิตเตอร์  ว่า ยูเอ็นเคยมีศักยภาพมหาศาล แต่ขณะนี้ได้กลายเป็น "เพียงแค่สโมสรสำหรับประชาชนมารวมตัวกัน พูดคุย และสังสรรค์รื่นเริง" ก่อนหน้านั้น นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเตือนถึงยูเอ็น ว่า "สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไป หลังจากวันที่ 20 ม.ค." ซึ่งเขาหมายถึงวันที่เขาจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา

 

ารตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่งดออกเสียงระหว่างการลงมติของยูเอ็นเอสซีโดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ใช้สิทธิยับยั้ง หรือวีโต้  เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์กับผู้นำอิสราเอล ที่เย็นชามานานหลายปี

 นายโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า เขาต้องการเป็นกลาง ในประเด็นปัญหา อิสราเอล-ปาเลสไตน์ แต่ท่าทีเขาสนับสนุนอิสราเอลมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี และกล่าวโจมตีชาวปาเลสไตน์ เขาระบุว่าโดนควบคุม โดยกลุ่มติดอาวุธ

    การทวีตเกี่ยวกับยูเอ็นในครั้งนี้ ถือเป็นการเมินเฉยต่อผลงานจำนวนมากขององค์กร ที่มีสมาชิก 193 ประเทศ โดยในปีนี้ยูเอ็นเอสซีอนุมัติมติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายกว่า 70 มติ รวมถึงมติคว่าบาตรใหม่ต่อเกาหลีเหนือ มาตรการต่างๆ ในการแก้ไขกรณีพิพาท และการอนุมัติภารกิจรักษาสันติภาพทั่วโลก นอกจากนั้น สมัชชาใหญ่ยูเอ็นยังอนุมัติมติหลายสิบมติ ในประเด็นปัญหาต่างๆ เช่น ประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือและอิหร่าน หรืออนุมัติการสอบสวนตามข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามในซีเรีย เป็นต้น

 

ซึ่งการเสนอกฎหมายดังกล่าวเข้าสภาแล้ว ถ้าร่างกฎหมายนี้ผ่านทั้ง2สภา และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนาม เท่ากับว่าสหประชาชาติ หรือว่า ยูเอ็นจะหมดสภาพการเป็นองค์กรโลกที่ทำตัวเหมือนรัฐบาลโลกนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  นอกจากนั้นกฎหมายฉบับนี้ยังมีการเสนอ ให้ย้ายสำนักงานใหญ่ของยูเอ็น ที่ตั้งอยู่กลางกรุงนิวยอร์ค ให้ไปอยู่ในประเทศอื่นใดก็ได้นอกเหนืออาณาเขตของสหรัฐฯ

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์