ดูเตอร์เต จัดยาแรงอีกดอก ดึงกองทัพทำสงครามปราบยาเสพติด ซัดคำแรง "ผมจะฆ่าให้มากขึ้น ขอเพียงกำจัดยาเสพติดให้สิ้นซาก" (รายละเอียด)

ดูเตอร์เต จัดยาแรงอีกดอก ดึงกองทัพทำสงครามปราบยาเสพติด

ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ประกาศมอบหมายให้กองทัพรับบทบาทนำในการทำสงครามปราบยาเสพติด ลั่นจะฆ่าทิ้งพ่อค้าและขี้ยาเพิ่มอีก ฮิวแมนไรต์วอตช์เตือน ใช้ทหารเสี่ยงต่อการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
ดูเตอร์เต จัดยาแรงอีกดอก ดึงกองทัพทำสงครามปราบยาเสพติด ซัดคำแรง "ผมจะฆ่าให้มากขึ้น ขอเพียงกำจัดยาเสพติดให้สิ้นซาก" (รายละเอียด)

ผู้นำฟิลิปปินส์ออกมาประกาศชัดเจนเป็นครั้งแรก ว่าจะให้กองทัพรับบทบาทนำภารกิจปราบปรามยาเสพติดแทนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เขาตำหนิว่า "คอร์รัปชันกันถึงแก่น" หลังจากมีการเปิดโปงคดีอื้อฉาวมากมายเมื่อเดือนที่แล้ว
"ผมกำลังจะเรียกใช้กองทัพแห่งชาติฟิลิปปินส์ และยกระดับปัญหายาเสพติดเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ เพื่อที่ผมจะได้เรียกทุกเหล่าทัพมาให้ความช่วยเหลือได้" ดูแตร์เตกล่าว พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะฆ่าพวกที่ติดยามากกว่านี้อีก

ดูเตอร์เต จัดยาแรงอีกดอก ดึงกองทัพทำสงครามปราบยาเสพติด ซัดคำแรง "ผมจะฆ่าให้มากขึ้น ขอเพียงกำจัดยาเสพติดให้สิ้นซาก" (รายละเอียด)

 

ดูแตร์เตยังได้ตอบโต้รายงานของแอมเนสตีอินเตอร์เนชั่นแนล ที่กล่าวเตือนเมื่อวันพุธว่า ปฏิบัติการของตำรวจฟิลิปปินส์ในสงครามยาเสพติดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 6,500 คน อาจถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เขาอ้างว่าจนถึงขณะนี้มีคนถูกฆ่าตายแค่ราวๆ 3,000 คนเท่านั้น "ผมจะฆ่าให้มากขึ้น ขอเพียงกำจัดยาเสพติดให้สิ้นซาก"

ด้านกระทรวงกลาโหม ซึ่งกำกับดูแลกิจการกองทัพ โดยโฆษกอาร์เซนีโอ อันโดลอง กล่าวว่า กระทรวงได้ขอให้เลขาธิการฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทำหนังสือคำสั่งอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นหลักอ้างอิงทางกฎหมายหากรัฐบาลต้องการดึงกองทัพเข้าไปปฏิบัติหน้าที่สงครามยาเสพติด

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2559  เป็นต้นมา ฟิลิปปินส์มีตัวเลขผู้เสียชีวิต ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายทำสงครามยาเสพติดของดูเตอร์เตแล้วถึง 3,295 ราย ในจำนวนนี้ เป็นคนร้ายที่ถูกตำรวจวิสามัญ จำนวน 1,167 คน และอีก 2,128 คนเสียชีวิตจากพฤติกรรมที่เรียกว่าศาลเตี้ย   ขณะที่คดีที่มีผู้เสียชีวิตแบบปริศนา แต่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีทั้งหมด 1,960 คดี และยังมีคดีที่อยู่ในชั้นสอบสวนอีก 1,651 คดี โดยมีคดีที่เข้าสู่กระบวนการตัดสินของศาลแล้ว 309 คดี ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นคดีที่สิ้นสุดแล้ว 196 คดี และอีก 113 คดีนั้น ผู้ต้องหายังหลบหนีอยู่

 

CR.ข้อมูล AFP

เรียบเรียง : articha