สื่อต่างประเทศรายงาน “ไทย-กัมพูชา” เดินหน้าสร้างสัมพันธ์จีน ถอยห่างสหรัฐฯ ตั้งคำถาม ไทยซื้อรถถัง เรือบรรทุกเครื่องบิน แต่ไม่เคยใช้งาน

เว็บไซต์สเตรตไทม์ ได้รายงานข่าว ในหัวข้อ ไทยและกัมพูชาเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศจีน โดยมีรายละเอียดดังนี้

เว็บไซต์สเตรตไทม์ ได้รายงานข่าว ในหัวข้อ ไทยและกัมพูชาเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศจีน โดยมีรายละเอียดดังนี้ รัฐบาลไทยตกลงที่จะซื้อ รถถังจากจีน จำนวน 10 คัน มูลค่า 58 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่กัมพูชาสั่งให้หน่วยงานของทหารเรือสหรัฐฯ ถอนกำลังออกจากประเทศ กลายเป็นร่องรอยที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่คลายความสัมพันธ์ต่อสหรัฐฯ ในขณะที่พวกเขากระชับความสัมพันธ์กับจีน
 

กองทัพไทย ได้ยกเลิกการใช้งาน รถถัง M41 ที่ผลิตจากสหรัฐฯ และหันไปใช้รถถัง VT-4 จากจีน ซึ่งจะยังคงปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพิ่มขึ้นต่อไปในอีก 3 ปี หลังจากรัฐบาลทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน ได้ระดมซื้อรถถังจากจีน 28 คัน และเรือดำน้ำมูลค่า 380 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยวงเงินที่ถูกร้องขออีก 2 ลำ
 

พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ได้ให้ข้อมูลว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติซื้อรถถัง VT-4 จำนวน 10 ลำขึ้นไป มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ว่า “เป็นการแทนที่รถถัง M41 ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง”

ไทยกำลังเผชิญกับเหตุความไม่สงบมายาวนานหลายสิบปีในจังหวัดชายแดนภาคใต้มากที่สุด แต่กลับไม่ค่อยมีการใช้รถถังที่นั่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศครั้งล่าสุด เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ที่ชายแดนกัมพูชาในปี 2554

 

ทหารที่ขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสองครั้งในทศวรรษที่ผ่านมา ในทางตรงกันข้าม งบประมาณด้านการป้องกันประเทศกลับมีเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตัว ไปอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

ความเอื้ออาทรของคนไทยต่อกองทัพได้ทำให้เกิดความประหลาดใจ เนื่องจากเศรษฐกิจถดถอยหลังรัฐประหาร นักวิจารณ์ระบุว่า กองทัพไทยซึ่งมีสัดส่วนนายพลมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ได้รับความเห็นชอบการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็น รวมไปถึงเรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งปัจจุบันไม่มีเครื่องบินสักลำเดียว

จีนได้เอางบประมาณด้านการป้องกันประเทศของไทย ซึ่งทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุด คือ สหรัฐฯ ซึ่งนโยบายที่มีต่อประเทศไทย และส่วนที่เหลือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มมีความไม่แน่นอน ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีนโยบายปกป้องตัวเอง



สื่อต่างประเทศรายงาน “ไทย-กัมพูชา” เดินหน้าสร้างสัมพันธ์จีน ถอยห่างสหรัฐฯ ตั้งคำถาม ไทยซื้อรถถัง เรือบรรทุกเครื่องบิน แต่ไม่เคยใช้งาน

ด้านสถานทูตสหรัฐฯ ในกัมพูชา กล่าวว่า หน่วยทหารก่อสร้างกองทัพเรือ หรือ ซีบีส์ (Seabees) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ยกเลิกโครงการที่วางแผนไว้ทั้งหมด 20 โครงการ รวมทั้งการสร้างโรงเรียน และโรงพยาบาล ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้แจ้งต่อสถานทูต ในการตัดสินใจที่จะเลื่อนโครงการ Seabees ไปเรื่อยๆ

พล.อ.ชุม สุชาติ โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า เขาไม่ได้ตระหนักถึงการตัดสินใจดังกล่าว

กัมพูชาไปไกลกว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ ในการเชื่อมความสัมพันธ์ กับจีน และการถอยห่างสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไปภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฯ ฮุน เซน จะรู้สึกชื่นชมยินดีกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ตาม

ผลกระทบด้านความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เกิดขึ้นจากการที่สหรัฐฯ วิจารณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายที่ทำให้รัฐบาลกัมพูชาสามารถตัดสิทธิ์พรรคการเมืองได้ง่ายขึ้น และขอให้ต่ออายุข้อเรียกร้องของกัมพูชาในการยกเลิกหนี้จำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษที่ 1970

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กัมพูชาระงับการฝึกซ้อมรบร่วมกัน เนื่องจากมีการจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน กัมพูชากล่าวว่า เป็นเพราะยุ่งยากกับการเลือกตั้ง และปฏิเสธว่า ไม่ได้ติดต่อใดๆ กับจีน แต่เมื่อปีที่แล้วจีนได้ร่วมกันฝึกซ้อมรบกับกัมพูชาเป็นครั้งแรก กองทัพกัมพูชาได้รับประโยชน์จากการฝึกและอุปกรณ์ของจีน เช่น รถจี๊ป จรวด และ เฮลิคอปเตอร์