ขอพูดบ้าง!! “อัสซาด” ยืนยัน การใช้อาวุธเคมีกับพลเรือน เป็นการจัดฉากของ “สหรัฐฯ” สร้างความชอบธรรมถล่ม “ซีเรีย”

ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรีย ปฏิเสธรายงานข่าวกองทัพรัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี โจมตีในจังหวัดอิดลิบ ยืนยันไม่เป็นความจริง และไม่เคยสั่งให้กระทำการดังกล่าว โดยผู้นำซีเรีย ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี ว่า รัฐบาลซีเรียได้ส่งมอบอาวุธเคมีทั้งหมดและเลิกใช้อาวุธประเภทนี้มาตั้งแต่ปี 2556

นับเป็นการออกมาแสดงความคิดเห็นของเขาครั้งแรกตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีต้องสงสัยว่าเป็นอาวุธเคมี เข่นฆ่าพลเรือนหลายสิบชีวิตในเมืองข่าน ชีคฮุน ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ แน่นอน สำหรับเราแล้วมันคือการจัดฉาก 100 เปอร์เซ็นต์ ที่ฝังอยู่ในความจำของเราคือ พวกตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ สนิทสนมกับพวกก่อการร้าย พวกเขาจัดฉากเรื่องราวทั้งหมดเพื่อเป็นข้ออ้างสำหรับการโจมตี โดยทางด้านผู้นำซีเรียยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการจัดฉากจากสหรัฐฯ อย่างเห็นได้ชัด

การโจมตีเมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่เมืองข่าน ชีคฮุน จังหวัดอิดลิบ ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ส่งผลให้กองทัพสหรัฐฯ เปิดฉากยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์ก 59 ลูกถล่มฐานทัพอากาศของทัพซีเรีย ซึ่งใช้เครื่องบินรบจากฐานทัพดังกล่าวในปฏิบัติการโจมตีที่จังหวัดอิดลิบ นับเป็นการโจมตีโดยตรงครั้งแรกต่อกองทัพซีเรียในช่วง 6 ปีของสงครามกลางเมืองในประเทศซีเรีย

นอกจากนี้ ยังมีประชาชนหลายร้อยคน ที่มีอาการของผู้ได้รับสารพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาท ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นเครื่องบินรบโจมตีเมืองดังกล่าว แต่ฝ่ายรัสเซีย ระบุว่าคลังเก็บอาวุธเคมีของกลุ่มกบฏถูกโจมตี

 

ด้านองค์การอนามัยโลก และผู้ตรวจสอบด้านอาวุธเคมี ต่างคลางแคลงใจเกี่ยวกับข้ออ้างของรัฐบาลซีเรียและรัสเซีย ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด กล่าวว่า จะยอมให้มีการสอบสวนเหตุโจมตีที่เมืองข่าน ชีคฮุน ก็ต่อเมื่อเป็นการสอบสวนที่เป็นกลางเท่านั้น เพื่อรับประกันว่าจะไม่ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง

ที่ผ่านมา รัสเซีย ซึ่งถือว่าเป็นพันธมิตรสำคัญของซีเรีย ได้ใช้สิทธิยับยั้ง หรือวีโต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี)เรื่องประณามการโจมตีและผลักดันให้รัฐบาลซีเรียให้ความร่วมมือในการสอบสวน ซึ่งการใช้สิทธิวีโต้ของรัสเซียสร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศสอย่างมาก