สหรัฐฯเล่นไพ่สองหน้า!! “สหรัฐฯ” ออกสื่อรายวัน พร้อมเจรจา “เกาหลีเหนือ” แต่อีกด้าน เดินเกมกดดันผ่านผู้นำหลายประเทศ จัดการขั้นเด็ดขาด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเฟซ เดอะ เนชั่น ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเฟซ เดอะ เนชั่น ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา โดยประเด็นของคำถามส่วนใหญ่เกี่ยวกับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งช่วงหนึ่งผู้นำสหรัฐฯ กล่าวถึงนายคิม จอง อึนว่ากลุ่มทหารและข้าราชการระดับสูงที่อยู่ภายใต้การปกครองของนายคิม จอง อึน ซึ่งสืบทอดอำนาจจากบิดาเมื่อปี 2554 ขณะเขาอายุเพียง 27 ปีล้วนเป็นขั้วอำนาจเก่าที่เรียกว่ามีความรู้ ความสามารถ และมีหลายคนต้องการโค่นอำนาจของผู้นำเกาหลีเหนือคนนี้ แต่เขาสามารถจัดการสถานการณ์ได้ทุกครั้ง เห็นได้ชัดว่าผู้นำเกาหลีเหนือเป็นคนฉลาดและเก่งมากอีกทั้งมีปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม

แต่ท้ายที่สุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตบท้ายว่าสหรัฐฯ ไม่อาจปล่อยให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่เป็นแบบนี้มานานแล้ว และคงไม่สามารถให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้อีก แต่เขาไม่ตอบในประเด็นคำถามที่จะใช้มาตรการทางทหารต่อเกาหลีเหนือ โดยกล่าวเชิงเปรียบเทียบว่าการจัดการกับเรื่องนี้เหมือนกับการเล่นหมากรุก ซึ่งจะแสดงท่าทีให้ฝ่ายตรงข้ามทราบไม่ได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่กล่าวว่าเขาไม่มีความสุข หากเกาหลีเหนือทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหม่ และเชื่อมั่นว่าจีนย่อมรู้สึกเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

 

ส่วนการทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาและไม่ประสบความสำเร็จนั้น ผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่าอาจเป็นเพราะขีปนาวุธลูกนั้นยังไม่มีคุณภาพมากพอ แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดเกาหลีเหนือต้องมีของดีซ่อนอยู่

 

สหรัฐฯเล่นไพ่สองหน้า!! “สหรัฐฯ” ออกสื่อรายวัน พร้อมเจรจา “เกาหลีเหนือ” แต่อีกด้าน เดินเกมกดดันผ่านผู้นำหลายประเทศ จัดการขั้นเด็ดขาด

ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่ออีกครั้ง ในการพยายามที่จะแก้ไขวิกฤติคาบสมุทรเกาหลี โดย ครั้งนี้ผู้นำสหรัฐฯได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่า เขาพร้อมที่จะพบหารือกับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ หากเงื่อนไขและสถานการณ์เหมาะสม เขาก็จะไปพบอย่างแน่นอนและถือเป็นเกียรติด้วย ที่จะได้พบกับคนเก่ง และมีความเฉลียวฉลาด

สหรัฐฯ ได้เตือนเกาหลีเหนือบ่อยครั้ง ในกรณีที่มีการทดสอบขีปนาวุธ หรือ อาวุธนิวเคลียร์ แต่ทว่าเกาหลีเหนือนั้นก็ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง และครั้งล่าสุดคือช่วงเช้าวันเสาร์ ที่ผ่านมา สหรัฐฯ จึงได้ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบิน ที่นำโดยเรือ ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน เข้าไปคาบสมุทรเกาหลี โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นได้ซ้อมรบร่วมกับกองทัพเรือญี่ปุ่น และต่อด้วยการซ้อมรบร่วมกับกองทัพเรือเกาหลีใต้


ในขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นทางด้านสหรัฐฯ ก็ได้แสดงเจตจำนง ว่าพร้อมที่จะเข้าสู่การเจรจาอย่างสันติกับทางด้านผู้นำเกาหลีเหนือ หลังจากที่รัสเซีย และ ญี่ปุ่นนั้นออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาอย่างสันติวิธี แทนที่จะใช้สถานการณ์ทางทหาร ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายกลายเป็นสงคราม



 

ก่อนหน้านี้ทางด้านเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ ว่าสหรัฐฯทราบดีว่าจีนดำเนินนโยบายการทูตเบื้องหลังกับเกาหลีเหนือเกี่ยวกับสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นทางเกาหลีเหนือไม่ได้แสดงท่าทียั่วยุ เหมือนที่ผ่านมาแต่อย่างใด ขณะที่สหรัฐฯยังได้รับแจ้งจากทางจีนว่า หากทางเกาหลีเหนือยังดำเนินการยั่วยุอีก จีนจะดำเนินการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเอง


นอกจากนั้นแล้วเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ยังได้กล่าวว่า สหรัฐฯ พร้อมจะเดินหน้าสู่การเจรจา กับทางเกาหลีเหนือ หากว่าทางด้านเกาหลีเหนือพร้อมที่จะเข้าสู่การเจรจา

ส่วนทางด้าน พล.ร.อ.แฮร์รี แฮร์ริส ผู้บัญชาการกองบัญชาการภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของวุฒิสภา ว่ากองทัพยังคงเชื่อมั่นว่านายคิม จอง อึน ผู้นำของเกาหลีเหนือ ต้องการประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป ให้มีพิสัยทำการไกลถึงสหรัฐอเมริกา และกล่าวย้ำว่า สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีในตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤติถึงขีดสุดแล้ว


 

 

 

 

 


ในขณะที่สัปดาห์นี้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม ของจีน ได้แสดงออกอย่างชัดเจน ต่อการติดตั้ง ระบบต่อต้านขีปนาวุธในชั้นบรรยากาศระดับสูง หรือ THAAD เมืองซองจู ทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ ซึ่งทางการจีนได้คัดค้านเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น

 

สหรัฐฯเล่นไพ่สองหน้า!! “สหรัฐฯ” ออกสื่อรายวัน พร้อมเจรจา “เกาหลีเหนือ” แต่อีกด้าน เดินเกมกดดันผ่านผู้นำหลายประเทศ จัดการขั้นเด็ดขาด

ในขณะที่ รีนซ์ พรีบัส หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวสหรัฐฯ เผยต่อพิธีกรรายการดีสวีค ของสถานีโทรทัศน์เอบีซี ว่าสหรัฐฯ ต้องการความร่วมมือในบางระดับ กับประเทศหุ้นส่วนในพื้นที่จำนวนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อความมั่นใจว่าสหรัฐฯมีความพร้อมก่อนจะลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่าง โดยเจ้าหน้าทีรายนี้ ได้ให้ข้อมูลต่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้หารือกับทางด้านประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับกรณีของเกาหลีเหนือ และต้องการที่จะพูดคุยกับทางด้านผู้นำประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน เพื่อขอให้ทุกประเทศสนับสนุนแผนการในการจัดการกับเกาหลีเหนือ พร้อมกับอวดอ้างว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับทางด้านนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น รวมถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนอีกด้วย

รีนซ์ พรีบัส ยังกล่าวย้ำในรายการว่าขณะนี้ไม่มีภัยคุกคามใดร้ายแรงกว่าเกาหลีเหนืออีกแล้ว แผนการสนทนาหารือกับผู้นำอาเซียน ไม่ว่าผู้นำของประเทศไทย หรือสิงคโปร์ เกิดจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ และอาวุธทำลายล้างสูงในเอเชีย และท้ายที่สุดภัยร้ายเหล่านั้นก็จะมาถึงสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นเดียวกัน

 

 



ส่วนอีกด้าน ไมค์ ปอมปิโอ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) เดินทางไปโซลในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อประชุมเป็นการภายใน โดยการครั้งนี้เป็นประชุมแบบปิดลับกับหัวหน้าหน่วยงานข่าวกรองและเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักประธานาธิบดีเกาหลีใต้ โดยมีการบรรยายสรุปนโยบายของสหรัฐฯต่อเกาหลีเหนือ และประเมินสถานการณ์ภายในของผู้นำเกาหลีเหนือ
 


ขณะนี้ทางด้านสหรัฐฯอเมริกาเล่นไพ่สองหน้า คือการเดินเกมสองทางขนาดกัน โดยทางแรกก็ใช้วิธีทางการทูตกดดันเกาหลีเหนือ ผ่านทางนานา ๆ ประเทศ และผ่านทางสหประชาชาติ

ในทางที่สอง ก็ใช้วิธีการพูดออกสื่อพร้อมในการเจรจากับทางผู้นำเกาหลีเหนือ

ไม่ว่าไพ่นี้ออกมาหน้าไหนขณะนี้นี้สหรัฐฯ ก็จะได้เปรียบเกาหลีเหนือในทุกหน้า เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องชัดเจน ไม่ได้อยู่ ๆ แล้วขนอาวุธไปถล่มเกาหลีเหนือทันที แบบที่หลาย ๆ คนเกรงกันอยู่ แต่สหรัฐฯ ได้มีทางออกให้กับผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือแล้ว แต่เลือกจะใช้ หรือไม่ นั้นก็ไม่รู้ ถ้ายังดื้อดึง ก็มีโอกาสสูงที่สหรัฐฯ จะเดินหน้าใช้มาตรการทางทหารในอนาคต

 

สหรัฐฯเล่นไพ่สองหน้า!! “สหรัฐฯ” ออกสื่อรายวัน พร้อมเจรจา “เกาหลีเหนือ” แต่อีกด้าน เดินเกมกดดันผ่านผู้นำหลายประเทศ จัดการขั้นเด็ดขาด