ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อียิปต์และบาห์เรน ได้ตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อียิปต์และบาห์เรน ได้ตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่ากาตาร์สนับสนุนพวกก่อการร้ายและปลุกปั่นภูมิภาคให้ตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ จากนั้นในวันที่ 9 มิถุนายน ก็ยกระดับการกดดันด้วยการใส่ชื่อบุคคลและองค์กรต่างๆที่เชื่อมโยงกับกาตาร์ ในบัญชีดำก่อการร้าย

ขณะที่ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าเขายืนอยู่ข้างซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่นๆที่ตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวิตข้อความ ว่า ระหว่างที่เขาเยือนซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่
20-21 เดือนที่แล้ว เขาได้รับการบอกเล่าว่า กาตาร์กำลังให้เงินสนับสนุนอุดมการณ์แบบรุนแรง เขายังกล่าวด้วยว่า การเยือนคราวนั้นของเขา กำลังผลิดอกออกผล

“ระหว่างการเยือนตะวันออกกลางของผมเมื่อเร็วๆ นี้ ผมเน้นว่าต้องไม่ให้มีการให้เงินทุนหนุนอุดมการณ์แบบรุนแรง พวกผู้นำต่างพากันชี้ไปที่กาตาร์ -นี่แหละ ดูไว้! ดีเหลือเกินการไปเยือนซาอุดีอาระเบียได้เฝ้ากษัตริย์และพูดกับ 50 ประเทศกำลังผลิดอกออกผล พวกเขาบอกว่าพวกเขาอยากใช้ไม้แข็งกับการให้เงินทุนหนุน … ลัทธิสุดโต่ง และการระบุอ้างอิงทั้งหมดกำลังชี้ไปที่กาตาร์ บางทีนี่จะเป็นการเริ่มต้นของการยุติความโหดเหี้ยมของลัทธิก่อการร้าย!”

 

 



นักวิเคราะห์มองว่า การที่เหล่ารัฐอาหรับเคลื่อนไหวตัดสัมพันธ์กับกาตาร์ ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ภายหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ไปเยือนซาอุดีอาระเบีย และร่วมประชุมสุดยอดกับพวกผู้นำรัฐอาหรับและชาติอิสลาม ทำให้การเดินทางไปของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งนั้นดูมีความหมายความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง


ทั้งนี้ระหว่างพูดปราศรัยที่กรุงริยาด นครหลวงของซาอุดีอาระเบีย ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวประณามอิหร่านว่าเป็นผู้สร้างความไร้เสถียรภาพในตะวันออกกลาง พร้อมกับเร่งเร้าพวกประเทศมุสลิมทั้งหลายให้แสดงตนเป็นผู้นำในการสู้รบกับกระบวนการแห่งการสร้างความรุนแรง ซึ่งเป็นคำพูดที่เวลานี้ถูกมองว่าคือสิ่งที่เพิ่มพูนกำลังใจให้เหล่าชาติริมอ่าวเปอร์เซียลงมือกระทำการต่อต้านกาตาร์

 

สหรัฐฯ ตีสองหน้า รมว.ต่างประเทศเรียกร้องเลิกกดดันกาตาร์ ขณะที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” โว อาหรับจัดการกาตาร์ คือผลงานตน
 

ทว่าทางด้าน เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กลับแสดงความคิดเห็นที่สวนทางกับผู้นำรัฐบาลของเขาโดยสิ้นเชิง โดยแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน คาดหวังว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันหยุดวิกฤตนี้

"เราเรียกร้องซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, บาห์เรนและอียิปต์ ผ่อนปรนการปิดล้อมกาตาร์" ซึ่งเป็นคำพูดของทาง เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน
เขายังได้บอกว่าวิกฤตนี้ ที่มีการตัดการเชื่อมโยงด้านการขนส่งและการค้า เริ่มส่งผลกระทบอันเจ็บปวดแก่ประชาชนคนธรรมดาในกาตาร์ ก่อความเสียหายต่อการตกลงเจรจาธุรกิจ รวมถึงเป็นอันตรายกับการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ

 

เขาเรียกร้องกาตาร์ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ใช้มาตรการต่างๆสกัดการสนับสนุนก่อการร้าย ทั้งนี้แม้ซาอุดีอาระเบียและชาติอื่นๆในอ่าวเปอร์เซียกล่าวหากาตาร์สนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรง แต่ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน บ่งชี้ว่าทุกฝ่ายจำเป็นต้องทำมากกว่าที่เป็นอยู่

"เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์มีความคืบหน้าสำหรับยับยั้งการสนับสนุนด้านการเงินและขับไล่เครือข่ายก่อการร้ายออกนอกประเทศ แต่เขาต้องทำมากกว่านี้และต้องเร่งมือกว่านี้ ส่วนชาติอื่นๆก็ควรเดินหน้ากำจัดกลุ่มก๊กต่างๆที่สนับสนุนองค์กรหัวรุนแรงภายในพรมแดนของตนเองเช่นกัน"

ในเหตุการณ์ที่ดูเหมือนว่าวิกฤตกำลังลุกลามบานปลาย อัลจาซีราห์ สถานีโทรทัศน์ทรงอิทธิพลของกาตาร์ ซึ่งเคยก่อความขุ่นเคืองแก่เหล่าผู้ปกครองโลกอาหรับบ่อยครั้ง รายงานว่าคอมพิวเตอร์ของพวกเขาถูกโจมตีทางไซเบอร์

ซาอุดีอาระเบีย,อียิปต์และพันธมิตร กล่าวหากาตาร์ สนับสนุนความเคลื่อนไหวของพวกนักรบอิสลามิสต์ทั่วภูมิภาค จึงกำหนดมาตรการที่กาตาร์เรียกว่าเป็นการปิดล้อมด้านการขนส่งทางเรือ การสัญจรทางอากาศและปิดชายแดนติดกับกาตาร์ ก่อความตื่นตระหนก สับสนและกังวลแก่ประชาชนที่แห่ไปกักตุนอาหารและข้าวของตามซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ

 

 

 

 

 

 

กาตาร์ ปฏิเสธไม่ได้สนับสนุนพวกนักรบ โดยบอกว่าพวกเขาช่วยลดภัยคุกคามก่อการร้ายผ่านการสนับสนุนกลุ่มต่างๆที่ต่อสู้กับความยากจนและแสวงหาการปฏิรูปทางการเมือง

ทั้งนี้ กาตาร์ ประกาศว่าจะฝ่าฟันมาตรการโดดเดี่ยวที่กำหนดโดยชาติอาหรับอื่นๆ และบอกว่าจะไม่อ่อนข้ออำนาจอธิปไตยด้านนโยบายการต่างประเทศแก่ใคร ในการแก่ไขวิกฤตทางการทูตในภูมิภาคครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี