สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงมีพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระชนมายุ 31 พรรษา เป็นมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่

สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงมีพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระชนมายุ 31 พรรษา ซึ่งเป็นพระราชโอรสและรองมกุฎราชกุมารเดิม เป็นมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่แทนที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ พระชันษา 57 ปี ซึ่งเป็นพระราชนัดดา หลังทรงแต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ให้ดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารเมื่อเมษายน 2558

 

กษัตริย์ซาอุฯ ตั้ง พระราชโอรส เป็นมกุฎราชกุมาร คือ "รัฐประหารเงียบ"

เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงมีภารกิจในความดูแลมากมาย ทั้งเป็นผู้ผลักดันโครงการวิสัยทัศน์ 2030 หวังสร้างความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ถูกจำกัดบทบาทและอิทธิพลลงเรื่อยๆ


ขณะที่อิหร่านวิจารณ์การที่กษัตริย์ซาอุดีอาระเบียทรงแต่งตั้งพระราชโอรสขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร คือการรัฐประหารเงียบ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงควบทั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงกลาโหม ทรงเคยมีพระราชดำรัสว่า ควรย้ายสมรภูมิ ไปที่อิหร่าน เรียกเสียงประณามอย่างหนักจากอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ว่าการที่บุคคลกล่าวเช่นนั้นสะท้อนการมีทัศนคติที่โง่เขลาต่อจากนั้นเมื่อช่วงต้นเดือนนี้เกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงเตหะราน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน และอิหร่านกล่าวหาเป็นฝีมือของซาอุดีอาระเบีย

 

กษัตริย์ซาอุฯ ตั้ง พระราชโอรส เป็นมกุฎราชกุมาร คือ "รัฐประหารเงียบ"

ต่อจากนี้ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงมีพระราชสถานะเป็นผู้ปกครองสูงสุดในทางพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย และนโยบายด้านความมั่นคงของซาอุดีอาระเบียนับจากนี้จะเพิ่มการเป็นสายเหยี่ยว แม้สอดคล้องกับนโยบายตะวันออกกลางของสหรัฐฯ แต่จะทำให้การเมืองในภูมิภาคที่ขาดเสถียรภาพอยู่แล้วยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นอีก เพราะการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังสะท้อนความขัดแย้งและรอยร้าวในราชวงศ์ซาอุดที่เด่นชัดขึ้นนั่นเอง

 

กษัตริย์ซาอุฯ ตั้ง พระราชโอรส เป็นมกุฎราชกุมาร คือ "รัฐประหารเงียบ"