สหรัฐฯเอายังไงต่อ? เมื่อเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธได้ไกลถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐ

  เกาหลีเหนือกล่าวในวันพุธว่าได้พัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ขึ้นมาใหม่ ซึ่งสามารถที่จะบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ได้

    เกาหลีเหนือกล่าวในวันพุธ (5 กรกฎาคม 60) ว่า ทางเกาหลีเหนือได้พัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ขึ้นมาใหม่ ซึ่งสามารถที่จะบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ได้ โดยทางวอชิงตันได้ออกมาเรียกร้องถึงวิกฤตดังกล่าวให้มีการดำเนินการจากทั่วโลกเพื่อให้เปียงยางรับผิดชอบในการแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์
    โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า จากการทดสอบการปล่อยตัว ICBM ของเกาหลีเหนือนั้น เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่ารัศมีของขีปนาวุธนี้จะสามารถเข้าถึงพื้นที่บางส่วนของแผ่นดินใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
    Rex Tillerson เลขานุการสหรัฐฯ กล่าวว่าการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งตรงกับวันหยุดวันชาติของสหรัฐฯ แสดงถึง ”การคุกคามรูปแบบใหม่ ” ต่อที่มีต่อสหรัฐฯและพันธมิตรอื่นๆ และยังเป็นการประกาศมาตรการที่เข้มแข็งขึ้นของเกาหลีเหนือ

    คิม จ็อง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่า ความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธ เติมเต็มความสมบูรณ์ในเรื่องความสามารถด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับประเทศของเขา รวมทั้ง ระเบิดปรมาณู ระเบิดไฮโดรเจน และ ICBM, KCNA สำนักข่าวประเทศเกาหลีเหนือ รายงาน
    คิม กล่าวอีกว่า เปียงยางจะไม่เจรจาต่อลองใดๆกับสหรัฐฯที่จะให้ยกเลิกอาวุธเหล่านี้ จนกว่าวอชิงตันจะละทิ้งนโยบายที่จะไม่เป็นมิตรกับเกาหลีเหนือ , KCNA รายงาน
     “รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ นักวิทยาศาสตร์และช่างเทคนิคว่า สหรัฐฯจะไม่พอใจที่ได้รับของขวัญนี้ในวันชาติของสหรัฐฯ” KCNA กล่าว
    การปล่อยตัวนั้นเกิดขึ้นก่อนไม่กี่วันที่จะมีการประชุมของผู้นำทั้ง 20 ประเทศ ในการหารือกันเกี่ยวกับขั้นตอนในการควบคุมอาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งได้ดำเนินการภายใต้การต่อต้านของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
    Tillerson เตือนว่าประเทศใดก็ตามที่รับคนงานชาวเกาหลีเหนือเข้ามาในประเทศ ให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจหรือทางทหารแก่เปียงยาง หรือไม่ใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา จะถือว่าเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนระบอบการปกครองที่เป็นอันตราย
     “ทุกประเทศควรที่จะแสดงอย่างชัดเจนกับเกาหลีเหนือถึงผลที่ตามมาของการแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขา  ” Tillerson กล่าวในแถลงการณ์

    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกร้องให้จีน ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักและเป็นพันธมิตรใหญ่ของเกาหลีเหนือ กดดันให้เปียงยางยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งในปัจจุบันนี้จีนยังเป็นประธานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council) อีกด้วย
    ทรัมป์ ได้กล่าวไว้ว่า เขากำลังหมดความอดทนกับความพยายามของกรุงปักกิ่งที่จะควบคุมเกาหลีเหนือ คณะบริหารงานของเขายังกล่าวอีกว่า เขาจะไม่ตัดทางเลือกใดออกจากการพิจารณา ถ้าหากทางเลือกทางการทูต, การเมืองและการเจรจาไม่ได้ผล ก็จะใช้วิธีทางการทหารเข้ามาจัดการด้วยแต่ว่าจะนำมาเป็นทางเลือกสุดท้าย วิธีการการคว่ำบาตรและการกดดันทางการทูตเป็นวิธีการที่จะนำมาใช้ก่อน
    ทรัมพ์มีกำหนดจะพบกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง และ ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในการประชุม G20 ที่เยอรมัน อาทิตย์นี้
    รัสเซียและจีนเข้าร่วมกับกองกำลังทางการทูต ในวันอังคาร และจะเรียกร้องให้ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ เข้าร่วมเซ็นแผนงาน(Chinese de-escalation) ที่จัดทำขึ้นมาเพื่อช่วยลดความตึงเครียดของโครงการขีปนาวุธของเปียงยาง
    และเป็นที่น่าเสียดายที่จีนและรัสเซียยังคงเรียกร้องให้ใช้มาตรการนิ่งสงบ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเกาหลีเหนือนั้นกำลังเดินหน้าเพื่อชัยชนะในการแสดงถึงความสามารถของอาวุธนิวเคลียน์ ICBM , Daniel Russel อดีตนักการทูตชั้นนำของวอชิงตันในเอเชียตะวันออก กล่าว
    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จะจัดการประชุมฉุกเฉินในประเด็นดังกล่าว ในวันพุธ เวลาบ่ายสามโมง ตามคำเรียกร้องของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
    ทางสื่อของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า ขีปนาวุธ (Hwasong-14) สามารถเคลื่อนที่ได้ในระยะ 933 กิโลเมตร ที่ระดับความสูง 2,802 กิโลเมตร ในช่วงเวลา 39 นาที
    นักวิเคราะห์บางคนกล่าวถึงรายละเอียดของขีปนาวุธใหม่นี้ว่า มีระยะทางมากกว่า 8,000 กิโลเมตรง ซึ่งอยู่ในช่วงรัศมีของแผ่นดินใหญ่ในสหรัฐฯ โดยถือว่าเป็นตัวแทนความก้าวหน้าของโครงการ
    กองทัพสหรัฐฯและเกาหลีใต้ได้ดำเนินการทดสอบขีปนาวุธในช่วงเช้าของวันพุธ เพื่อเป็นการแสดงอำนาจบนชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี โดยทางเกาหลีใต้กล่าวว่าการฝึกซ้อมดังกล่าวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความสามารถในการโจมตีผู้นำเกาหลีเหนือหากจำเป็น
    การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือทำให้เกิดความท้าทายใหม่กับ มุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้  ผู้ที่ได้เข้าร่วมสัญญาการมีส่วนร่วมในการเจรจากับเกาหลีเหนือในเดือนพฤษภาคม รวมทั้งยังคงใช้การกดดันและมาตรการคว่ำบาตรเพื่อยับยั้งโครงการอาวุธของเปียงยาง