รัฐบาลอิสราเอลประกาศจะไม่รื้อถอนเครื่องตรวจจับโลหะซึ่งติดตั้งเอาไว้ตรงทางเข้าเนินวิหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มัสยิดอัลอักซอและ โดมออฟเดอะร็อก ในนครเยรูซ

    รัฐบาลอิสราเอลประกาศจะไม่รื้อถอนเครื่องตรวจจับโลหะซึ่งติดตั้งเอาไว้ตรงทางเข้าเนินวิหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ มัสยิดอัลอักซอและ โดมออฟเดอะร็อก ในนครเยรูซาเลม แต่อาจจะใช้งานให้น้อยลงกว่าเดิมหากมีมาตรการป้องกันอื่นๆ มาทดแทน ล่าสุดความขัดแย้งระหว่างชาวยิวและมุสลิมยังส่อเค้าบานปลายเมื่อเกิดเหตุกราดยิงขึ้นที่สถานทูตอิสราเอลในจอร์แดนเมื่อวันที่ 23 ก.ค.60 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

    นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินเมื่อวานนี้ (23 ก.ค.60) ขณะที่ประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ขู่ระงับความร่วมมือกับกองทัพอิสราเอลจนกว่าจะยอมรื้อถอนเครื่องตรวจจับโลหะที่ถูกนำมาติดตั้งไว้ตามประตูทางเข้าลานมัสยิดอัลอักซอ หลังจากที่ตำรวจ 2 นายถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 60 ที่ผ่านมา
    “เครื่องตรวจจับโลหะจะยังอยู่เช่นนั้นต่อไป พวกฆาตกรไม่มีสิทธิ์สั่งเราว่าจะต้องหาตัวฆาตกรอย่างไร ” 
    “ถ้าพวกเขาไม่สมัครใจจะเข้ามัสยิด ก็ไม่ต้องเข้า” ซาชิ ฮาเนกบี รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาส่วนภูมิภาคของอิสราเอล ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีวิทยุกองทัพ
    ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากปฏิเสธที่จะเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ มีการประท้วงและกระทำพิธีทางศาสนารอบนอกมัสยิด เพราะเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลยิวทำเป็นการฝ่าฝืนหลักปฏิบัติว่าด้วยการเข้าถึงศาสนสถานสำคัญอันดับ 3 ของอิสลามที่ใช้มานานหลายสิบปี 
    ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เกิดการกระทบกระทั่งเล็กน้อยระหว่างผู้แสวงบุญชาวมุสลิมกับกองกำลังความมั่นคงอิสราเอล หลังพิธีละหมาดที่หน้าประตูทางเข้าเขตเมืองเก่าเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (23 ก.ค. 60) ขณะที่แหล่งข่าวการแพทย์ของอิสราเอลไม่ได้รายงานว่ามีผู้บาดเจ็บรุนแรงหรือไม่
    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้เรียกประชุมในวันนี้ (24 ก.ค. 60) เพื่อหาแนวทางคลี่คลายสถานการณ์ หลังเกิดเหตุปะทะซึ่งทำให้ชาวอิสราเอล 3 รายและชาวปาเลสไตน์ 4 รายเสียชีวิตในช่วงวันศุกร์ (21 ก.ค. 60) และเสาร์ (22 ก.ค. 60) ที่ผ่านมา ขณะที่ เจสัน กรีนบลัตต์ ผู้แทนพิเศษด้านการเจรจาระหว่างประเทศของผู้นำสหรัฐฯ ก็ได้ออกเดินทางไปยังอิสราเอลเมื่อค่ำวานนี้ (23 ก.ค. 60) เพื่อช่วยลดความตึงเครียด
    “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐบาลสหรัฐฯ ติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด... สหรัฐอเมริกาขอประณามผู้ก่อการร้ายที่ได้ก่อเหตุรุนแรงขึ้นเมื่อไม่นานนี้” เจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งกล่าว
    ล่าสุด มีเหตุกราดยิงขึ้นที่สถานทูตอิสราเอลในกรุงอัมมานของจอร์แดนเมื่อวานนี้ (23 ก.ค. 60) จนเป็นเหตุให้พลเมืองจอร์แดนเสียชีวิต 2 ราย และตำรวจอิสราเอลได้รับบาดเจ็บ1 นาย
    แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า เหยื่อชาวจอร์แดนสองรายคือ โมฮัมเหม็ด จาเวาเดห์ วัย 17 ปี ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วนอีกรายคือ บาชาร์ ฮามาร์เรห์ แพทย์ชาวจอร์แดนซึ่งอยู่ในส่วนที่พักของสถานทูตขณะเกิดเหตุ และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
    ด้านเจ้าหน้าที่อิสราเอลที่บาดเจ็บคือ รองผู้อำนวยการด้านความมั่นคงประจำสถานทูตอิสราเอล ซึ่งยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
    ชาวมุสลิมในจอร์แดนหลายพันคนได้ออกมาชุมนุมประท้วงอิสราเอลในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่จอร์แดนก็เรียกร้องให้อิสราเอลรื้อถอนอุปกรณ์ตรวจจับโลหะออกเสีย

เดือดขึ้นทุกที! อิสราเอลประกาศจะไม่รื้อถอนเครื่องตรวจจับโลหะ ถ้าไม่สมัครใจจะเข้ามัสยิด ก็ไม่ต้องเข้า

    สถานการณ์เริ่มปะทุความรุนแรงขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ (21 ก.ค. 60) เมื่อหน่วยความมั่นคงอิสราเอลยิงผู้ประท้วงปาเลสไตน์เสียชีวิตไป 3 ราย และในวันเดียวกันนั้นก็มีชาวปาเลสไตน์คนหนึ่งใช้มีดจ้วงแทงชาวอิสราเอล 3 คนในเขตเวสต์แบงก์ หลังจากที่โพสต์เฟซบุ๊กว่าจะจับอาวุธออกไปตาม เสียงเรียกร้องของอัลอักซอ
    ต่อมาในวันเสาร์ (22 ก.ค. 60) ก็มีชาวปาเลสไตน์ 1 คนเสียชีวิตที่นครเยรูซาเลม เนื่องจาก “ระเบิดแสวงเครื่อง” ทำให้เศษตะปูพุ่งเข้าฉีกร่างบริเวณท้องและหน้าอก
    ในวันอาทิตย์ (23 ก.ค. 60) กองทัพอิสราเอลระบุว่ามีจรวดลูกหนึ่งถูกยิงจากฉนวนกาซาเข้าไปยังดินแดนอิสราเอล แต่เคราะห์ดีที่จรวดตกในพื้นที่โล่ง จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
    ผู้นำปาเลสไตน์ประกาศเมื่อวานนี้ (23 ก.ค. 60) ว่า “ถ้าอิสราเอลต้องการฟื้นฟูความร่วมมือทางทหาร ก็จงรื้อถอนเครื่องตรวจจับโลหะออกเสีย พวกเขาควรรู้ว่าจะต้องเป็นฝ่ายแพ้ในที่สุด”
    กีลาด เออร์ดัน รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะอิสราเอล เตือนว่าอาจเกิด “สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนครั้งใหญ่” โดยเฉพาะในเขตเวสต์แบงก์ เมื่อฝ่าย อับบาส ไม่ให้ความร่วมมือ
    อย่างไรก็ตาม เออร์ดัน ยอมรับว่า อิสราเอลอาจผ่อนคลายการใช้เครื่องตรวจจับโลหะกับชาวมุสลิมที่จะเข้าไปยังมัสยิดอัลอักซอ หากมีมาตรการป้องกันใหม่ๆ มาทดแทน เช่น เพิ่มตำรวจคุมกันบริเวณทางเข้า และติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า เป็นต้น
    “มีผู้แสวงบุญจำนวนมากที่มาเป็นประจำจนตำรวจคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเราคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้คนเหล่านี้ผ่านเครื่องตรวจจับโลหะหมดทุกคน” เออร์ดัน ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีวิทยุกองทัพ พร้อมแนะนำว่าควรจะใช้มาตรการคัดกรองเป็นพิเศษเฉพาะกับกลุ่มคนที่อาจก่อปัญหาเท่านั้น
    ด้านองค์กรมุสลิมที่กำกับดูแลมัสยิดอัลอักซอ ยืนยันว่าจะไม่ยอมรับทุกมาตรการใหม่ๆ ที่อิสราเอลประกาศใช้
    “เราขอปฏิเสธทุกๆ มาตรการที่รัฐบาลผู้ยึดครอง (อิสราเอล) จะนำมาเปลี่ยนแปลงสถานะทางประวัติศาสตร์และศาสนาของนครเยรูซาเลม และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ ” แกรนด์มุฟตีแห่งปาเลสไตน์, รักษาการผู้พิพากษาสูงสุดปาเลสไตน์ และกองทุนวะกัฟ ซึ่งบริหารจัดการโดยจอร์แดน ระบุในคำแถลงร่วม
    ด้านตุรกีก็เรียกร้องให้อิสราเอลถอดเครื่องตรวจจับโลหะออกเสีย ขณะที่กลุ่มสันนิบาตอาหรับเตือนรัฐบาลยิวว่าไม่ควร “เล่นกับไฟ”