เป้าหมายสูงสุดควรเป็นการนำปัญหาคาบสมุทรเกาหลีกลับสู่โต๊ะเจรจา

หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวในกรุงมะนิลาก่อนเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของภูมิภาคว่า มาตรการลงโทษมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นการพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างมีประสิทธิภาพ
แม้มาตรการลงโทษมีความจำเป็น

 

 

แต่เป้าหมายสูงสุดควรเป็นการนำปัญหาคาบสมุทรเกาหลีกลับสู่โต๊ะเจรจา

“ยูเอ็น” รับลูก”สหรัฐฯ” คว่ำบาตร “เกาหลีเหนือ” เพิ่ม ด้าน “จีน” เรียกร้องหันหน้าสู่โต๊ะเจรจา ก่อนสถานการณ์จะบานปลาย รุนแรง

กฎหมายคว่ำบาตร รัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ที่ออกโดยรัฐสภาสหรัฐฯและโดนัลด์ทรัมป์ผู้นำของอเมริกาได้ลงนามเรียบร้อยแล้วมีผลบังคับใช้แม้ว่าทรัมป์จะไม่เต็มใจลงนามก็ตามแต่เพราะกำลังมีปัญหากับเกาหลีเหนือจึงจำใจต้องเซ็นต์ถ้าช่วยกันพิจารณาให้ลึกซึ้งจะเห็นนี่เป็นกลยุทธ์ที่แหลมคมของรัฐสภาอเมริกันสามารถยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว ผลของกฎหมายฉบับนี้มีผลกระทบหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกของเราที่กำลังตึงเครียดขณะนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


หลังจากที่ทางผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามคว่ำบาตร รัสเซีย อิหร่าน และ เกาหลีเหนือ ไม่นานทางด้านสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ รับลูกทันที โดย ได้ออกมาตรการลงโทษครั้งใหม่ กับทางด้าน เกาหลีเหนือ ทันทีเช่นกัน โดยล่าสุดทางด้านจีน ได้ออกมาเตือนถึงสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังเข้าสู่ช่วงที่สำคัญมาก หลังจากยูเอ็นประกาศมาตรการลงโทษครั้งใหม่ เพื่อกำราบการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปของเกาหลีเหนือถึงสองครั้งเมื่อเดือนที่แล้ว

ด้านหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวในกรุงมะนิลาก่อนเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของภูมิภาคว่า มาตรการลงโทษมีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นการพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างมีประสิทธิภาพ
แม้มาตรการลงโทษมีความจำเป็น

 

 

แต่เป้าหมายสูงสุดควรเป็นการนำปัญหาคาบสมุทรเกาหลีกลับสู่โต๊ะเจรจา และหาทางออกสุดท้ายเพื่อให้ภูมิภาคดังกล่าวปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์และมีเสถียรภาพในระยะยาวผ่านการเจรจา นอกจากนั้นแล้วรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ยังได้เตือนว่า หลังจากญัตติแซงก์ชันผ่านความเห็นชอบ คาบสมุทรเกาหลีจะเข้าสู่ช่วงที่สำคัญมาก และจีนขอให้ทุกฝ่ายพิจารณาและดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม

ขณะที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางด้านนายหวังอี้ ได้เข้าประชุมกับ รี ยองโฮ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ แต่ทางผู้สื่อข่าว ไม่ได้รับอนุญาต ให้เข้าร่วมการประชุมครั้ง นี้ แต่หลังการประชุม จะเห็นรอยยิ้มตลอดเวลาของทั้งสองฝ่าย
 

ก่อนหน้านั้นทางด้านนาง นิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นที่ประกอบด้วยสมาชิก 15 ชาติ หลังจากที่ประชุมประกาศมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือรอบใหม่จากกรณีการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) สองครั้งในเดือนที่ผ่านมาว่า ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนืออันตรายมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ซึ่งสหรัฐฯกำลังทำอยู่และจะดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อปกป้องทั้งตัวเองและพันธมิตร พร้อมยืนยันว่า สหรัฐฯ ยังคงจะเดินหน้าซ้อมรบร่วมกับ ทางด้านเกาหลีใต้ต่อไป ขณะที่ทางด้าน เอชอาร์ แม็กมาสเตอร์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ยังเปิดเผยว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ฟังบรรยายสรุปข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือแล้ว พร้อมกล่าวว่า อเมริกายังไม่ได้ตัดตัวเลือกใดๆ รวมทั้งจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อกดดันเกาหลีเหนือควบคู่กับการหลีกเลี่ยง การก่อนให้เกิดสงครามขึ้น

มาตรการลงโทษล่าสุของยูเอ็น เป็นการลงโทษ ที่ครอบคลุม ถึงการส่งออกมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อพิจารณาจากมูลค่าส่งออกทั้งหมดของเกาหลีเหนือเมื่อปีที่แล้ว 3,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่ประเทศต่างๆ ยังถูกห้ามไม่ให้รับแรงงานเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้เข้าประเทศ พร้อมกันนั้นยังได้ดำเนินการ ห้ามการเดินทางและอายัดทรัพย์สินพลเมืองเกาหลีเหนือเพิ่มอีก 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่หรือตัวแทนของบริษัทและธนาคาร นอกจากนี้ยังมีการอายัดทรัพย์สินของบริษัท 2 แห่งและธนาคาร 2 แห่ง

 

ซึ่งแน่นอนว่า มาตรการลงโทษดังกล่าวนั้น ถูกร่างโดยสหรัฐฯ และมีการหารือกับจีน พันธมิตรสำคัญที่สุดของเกาหลีเหนือ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการกดดันให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา

ขณะที่ทางด้านจีน โดย หลิว เจี้ยหยี่ เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น เรียกร้องให้ระงับการติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ เนื่องจากเห็นว่า ไม่ใช่ทางออกสำหรับการทดสอบนิวเคลียร์และปล่อยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการกระทำใดๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์ลุกลามไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากกว่าที่เป็นอยู่

“ยูเอ็น” รับลูก”สหรัฐฯ” คว่ำบาตร “เกาหลีเหนือ” เพิ่ม ด้าน “จีน” เรียกร้องหันหน้าสู่โต๊ะเจรจา ก่อนสถานการณ์จะบานปลาย รุนแรง