ถึงเวลานี้ต้องบอกว่าสหรัฐฯ เหมือนกำลังถูกโดดเดี่ยว มีเพียงญี่ปุ่นประเทศเดียวเท่านั้นที่เห็นดีเห็นชอบ ต้องการให้สหรัฐฯ จัดการกับเกาหลีเหนือ

หลาย ๆ ประเทศ ที่มีบทบาทสำคัญในโลกนี้ ต่างเห็นพ้องต้องกัน ว่าสหรัฐฯควรจะหันหน้ามาเจรจากับเกาหลีเหนือ แบบไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเริ่มจากทางด้านเกาหลีใต้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคู่รัก คู่แค้นของเกาหลีเหนือมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา


 

สถานการณ์ความตึงเครียดของคาบสมุทรเกาหลี เริ่มจะคลี่คลายมากยิ่งขึ้น เมื่อหลายประเทศ ต่างเดินเกมกดดันสหรัฐฯ ให้หันมาสู่โต๊ะเจรจา แทนที่การใช้การกดดัน และเตรียมการเข้าสู่การใช้กำลังทหารเข้าโจมตี หรือจัดการกับทางด้านเกาหลีเหนือ ซึ่งแน่นอนว่า ก่อนหน้านี้ จีน และ รัสเซีย เคยเสนอให้สหรัฐฯ นั้นเข้าสู่การเจรจามาแล้ว แต่ทว่าสหรัฐฯ นั้นปฏิเสธ และให้เหตุผลว่าผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องจัดการกับเกาหลีเหนือแบบเด็ดขาดเสียที แต่ทว่าล่าสุดนั้น สหรัฐฯ อาจจะต้องกลับมาคิดใหม่อีกครั้ง เพราะขณะนี้เหมือนหลาย ๆ ประเทศ ที่มีบทบาทสำคัญในโลกนี้ ต่างเห็นพ้องต้องกัน ว่าสหรัฐฯควรจะหันหน้ามาเจรจากับเกาหลีเหนือ แบบไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเริ่มจากทางด้านเกาหลีใต้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคู่รัก คู่แค้นของเกาหลีเหนือมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 

โดนลอยแพ!! “สหรัฐฯ”  จะทำอย่างไร เมื่อทุกประเทศที่ไปขอให้ช่วยจัดการเกาหลีเหนือ กลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ กับ “เกาหลีเหนือ” ทั้งสิ้น

 

ซึ่งล่าสุดทางด้าน ผู้นำเกาหลีใต้ อย่าง ประธานาธิบดีมุน แจอิน ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ ในกรุงโซล เนื่องในวาระครบรอบ 72 ปี การปลดแอกคาบสมุทรเกาหลีออกจากภายใต้อิทธิพลของจักรวรรดิญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2488 แสดงความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีจะสามารถคลี่คลายได้ด้วยการใช้วิธีแบบสันติ นั่นคือการเจรจาตามวิธีการทูต

 

 

 

 

โดยผู้นำเกาหลีใต้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการเดินหน้าพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ และกลับมาเข้าร่วมการเจรจากันอีกครั้ง โดยที่ทางผู้นำเกาหลีใต้กล่าวว่าโดยส่วนตัวเขามองว่าการยิ่งเพิ่มมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจจะยิ่งเป็นการผลักดันให้เกาหลีเหนือเลือกเส้นทางที่สวนกับโลกภายนอกมากขึ้นไปอีก และเพื่อไม่ให้สถานการณ์ต้องตึงเครียดมากกว่าที่เป็นอยู่ เขาจึงได้เรียกร้องไปยังเกาหลีเหนือเข้าร่วมโต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุด

 

 

ซึ่งแน่นอนกว่าการออกมาพูดของผู้นำเกาหลีใต้ย่อมจะสร้างความสั่นสะเทือนต่อสหรัฐฯบ้าง ถึงกับต้องส่งทางด้าน ขณะที่ พล.อ.โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ เข้าพบประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ ที่ทำเนียบชานกรุงโซล เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งทางผู้นำเกาหลีใต้ยืนยันเช่นเดิมว่า ต้องให้ความสำคัญกับการเจรจาตามวิธีการทูต แต่ พล.อ.ดันฟอร์ด ยืนยันว่าสหรัฐฯ พร้อมใช้มาตรการทางทหารกับเกาหลีเหนือ หากทุกฝ่ายประสบความล้มเหลวในการใช้ยุทธวิธีกดดันอย่างสันติ


 

โดนลอยแพ!! “สหรัฐฯ”  จะทำอย่างไร เมื่อทุกประเทศที่ไปขอให้ช่วยจัดการเกาหลีเหนือ กลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ กับ “เกาหลีเหนือ” ทั้งสิ้น

 

ส่วนทางด้านผู้นำสหรัฐฯ อย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้พยายามตระเวนหาพันธมิตร เพื่อสนับสนุนตนเองในการที่จะเดินหน้าทำสงครามกับเกาหลีเหนือ ซึ่งทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกหูโทรศัพท์ หาผู้นำฝรั่งเศส เพื่อขอการสนับสนุนปฏิบัติ การครั้งนี้ แต่ทว่าไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อทางด้านผู้นำฝรั่งเศส ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง เห็นว่าสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีมีความอันตรายมากขึ้น จากพฤติกรรมบ่อนทำลายล้างและการข่มขู่ของเกาหลีเหนือ

 

 

โดนลอยแพ!! “สหรัฐฯ”  จะทำอย่างไร เมื่อทุกประเทศที่ไปขอให้ช่วยจัดการเกาหลีเหนือ กลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ กับ “เกาหลีเหนือ” ทั้งสิ้น

โดยมีการระบุด้วยว่าสหรัฐฯและพันธมิตรพร้อมที่จะใช้มาตรการ ขั้นเด็ดขาด ทั้งในทางการทูต เศรษฐกิจ และการทหาร เพื่อยุติพฤติกรรมอันเลวร้ายของเกาหลีเหนือ ขณะที่ทางด้าน ผู้นำฝรั่งเศสมีความวิตกกังวลกับภัยคุกคามจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธและระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่เชื่อว่าหนทางเหมาะสมที่สุดคือการเจรจาตามวิธีการทูต และการเจรจาต้องเป็นไปโดยปราศจากเงื่อนไข จากทั้งสองฝ่าย
 

โดนลอยแพ!! “สหรัฐฯ”  จะทำอย่างไร เมื่อทุกประเทศที่ไปขอให้ช่วยจัดการเกาหลีเหนือ กลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ กับ “เกาหลีเหนือ” ทั้งสิ้น


เช่นเดียวกับทางด้าน ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ซึ่งผู้นำจีนเห็นพ้องกับการที่เกาหลีเหนือต้องยุติการเดินหน้าพัฒนาโครงการอาวุธ แต่ใน ขณะเดียวกันผู้นำสหรัฐฯ ควรหลีกเลี่ยงการแสดงออก ทั้งทางวาจาและการกระทำ ที่อาจยิ่งเป็นการเพิ่มความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี หลังผู้นำสหรัฐฯเตือนนายคิม จอง อึน จะต้องพบกับการตอบโต้แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลก
 

โดนลอยแพ!! “สหรัฐฯ”  จะทำอย่างไร เมื่อทุกประเทศที่ไปขอให้ช่วยจัดการเกาหลีเหนือ กลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ กับ “เกาหลีเหนือ” ทั้งสิ้น


เช่นเดียวกับทางด้านเยอรมนีและรัสเซียแสดงความกังวลเกี่ยวกับสงครามน้ำลายระหว่างสหรัฐฯ และ เกาหลีเหนือ โดยทางด้านเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเรียกร้องให้เกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ลงนามในแผนการร่วมรัสเซีย-จีน ซึ่งกำหนดให้เกาหลีเหนือระงับการทดสอบขีปนาวุธ และสหรัฐฯ กับ เกาหลีใต้ระงับการซ้อมรบร่วมขนาดใหญ่ แต่ทั้งสหรัฐฯ และ เกาหลีเหนือต่างไม่ยอมรับแผนการนี้

โดนลอยแพ!! “สหรัฐฯ”  จะทำอย่างไร เมื่อทุกประเทศที่ไปขอให้ช่วยจัดการเกาหลีเหนือ กลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ กับ “เกาหลีเหนือ” ทั้งสิ้น

 

ขณะที่ทางด้านนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีกล่าวว่า การตอบโต้กันด้วยวาจาทำให้สถานการณ์ลุกลาม และนำไปสู่การเผชิญหน้าที่อันตราย มากยิ่งขึ้น

 

 

 

ถึงเวลานี้ต้องบอกว่าสหรัฐฯ เหมือนกำลังถูกโดดเดี่ยว มีเพียงญี่ปุ่นประเทศเดียวเท่านั้นที่เห็นดีเห็นชอบ ต้องการให้สหรัฐฯ จัดการกับเกาหลีเหนือ แบบถึงลูกถึงคน ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่ทางสหรัฐฯ ต้องการแรงสนับสนุน กลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ กับทางด้านเกาหลีเหนือทั้งสิ้น ดังนั้นถึงตอนนี้สหรัฐฯ คงต้องกลับมาคิดใหม่เสียแล้วว่ายังจะดื้อดันใช้กำลังทหารจัดการขั้นเด็ดขาดกับเกาหลีเหนืออยู่อีกหรือ ถ้าจะทำอย่างนั้นได้อาจจะไม่คุ้มเสีย