ปฏิบัติการลึกลับ!!จัดการเครื่องบินรบ เรือพิฆาตของสหรัฐฯ จนเจ้ง เป็นผลงานหน่วยสงครามอิเล็กทรอนิกรัสเซีย ที่ สหรัฐฯ ยอมรับว่า“เจ๋งจริง”หรือไม่

ในช่วงหลังมานี้ จะเห็นได้ว่าระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ภายในกองทัพสหรัฐฯ เกิดปัญหาความผิดพลาดบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับทางด้านกองทัพอากาศ ที่เจอปัญหาในส่วนของเครื่องบินขับไล่ จนมาถึงกองทัพเรือ ที่เกิดปัญหากับเครื่องบินรบเช่นกัน และ สองกรณีล่าสุดนั่นก็คือการเปิดปัญหากับกรณีเรือพิฆาต ชนเรือบรรทุกสินค้าถึงสองครั้งสองครา ซึ่งถ้าดูว่าเป็นอุบัติเหตุก็น่าจะใช่ แต่ถ้ามองให้ลึกไปกว่านั้น ก็มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ อาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านี้ ราคาไม่ใช่หลักล้าน บาท แต่มันเป็นหลักร้อยล้านพันล้าน ถึงหมื่นล้าน แสนล้าน แต่ทำไมถึงได้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นมา จนต้องสั่งให้มีการหยุดใช้งานเพื่อสอบหาสาเหตุกันให้แน่ชัดเสียก่อน จนทำให้เลยเถิดคิดไปว่า นี่เป็นการปฏิบัติการลึกลับ เพื่อควบคุมยุทโธปกรณ์เหล่านี้หรือไม่ ทำไมถึงคิดแบบนั้น .....

 

เดือนกรกฎาคม ทางด้าน กองทัพอากาศสหรัฐออกแถลงการณ์ มีคำสั่งให้กองบินฝึกขับไล่ที่ 56 ของฐานทัพอากาศลุค ในรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ระงับการใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35 อย่างไม่มีกำหนด เพื่อให้มีการวิเคราะห์และสื่อสารอย่างละเอียด ระหว่างนักบิน กับผู้เชี่ยวชาญทางทหาร อุตสาหกรรมการบินและการแพทย์

 

อย่างไรก็ตาม ฐานทัพอากาศแห่งอื่นในสหรัฐฯยังคงสามารถใช้งานเครื่องบินรุ่นนี้ได้ต่อไป

คำสั่งดังกล่าวของกองทัพอากาศสหรัฐฯมีขึ้นหลังฐานทัพลุคตัดสินใจระงับภารกิจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบิน F-35 ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ หลังเกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน 5 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่านักบินประสบกับภาวะคล้ายอาการขาดออกซิเจนเฉียบพลันแต่นักบินทุกนายสามารถควบคุมสถานการณ์และนำเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย

 

ทั้งนี้ เอฟ-35 ถือเป็นเครื่องบินขับไล่ล่องหนหลากหลายบทบาท ที่รวมถึงการสนับสนุนทางอากาศ การป้องกันทางอากาศ และการโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดทางยุทธวิธี ออกแบบและผลิตโดยบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อใช้งานแทนเครื่องบินขับไล่ F-16 A-10F และ F-18 ปัจจุบันเครื่องบิน F-35 มี 3 รุ่น คือแบบ "A" ขึ้น-ลง ปกติ "B" ขึ้น-ลงแนวดิ่ง และ "C" สำหรับใช้งานบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ส่วนใหญ่กองทัพอากาศสหรัฐฯเลือกแบบ A ไว้ประจำการในฝูงบิน ราคาเริ่มต้นสูงถึงลำละ 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่กลับเกิดปัญหาทางเทคนิคมาแล้วหลายครั้ง ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา
 

หลังจากนั้นไม่นานทางด้าน กองทัพเรือสหรัฐฯ สั่งงดใช้ เครื่องบิน ทิ้งระเบิด T-45 และ เครื่องบินรบ F/A-18 เนื่องจากนักบินขาดออกซิเจนเฉียบพลัน เสียชีวิต 4 ราย

 

 

การเสียชีวิตของนักบินกองทัพเรือสหรัฐฯจำนวน 4 คนในเครื่องบิน F / A-18 Hornets กล่าวว่าเกิดจากความล้มเหลวของระบบออกซิเจน กองทัพเรือได้ออกมาทบทวนปัญหาเกี่ยวกับออกซิเจนที่เกิดขึ้นในเครื่องบินไอพ่นรุ่นดังกล่าวแล้ว

 

รายงานฉบับหนึ่งของกองทัพเรือได้ออกมาเมื่อวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับประเด็นเกี่ยวกับเครื่องบินรบ F / A-18 Hornets และเครื่องบินรบ T-45 ทั้งที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการขาดออกซิเจนอย่างเฉียบพลัน

 

การตรวจสอบเริ่มขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมหลังจากที่นักบินของกองทัพเรือได้รับการฝึกในฐานทัพหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Kingsville, Texas; Meridian, Mississippi; และ Pensacola, Florida, พบว่านักบินไม่ต้องการที่จะบินในเครื่องบินรบ T-45 เพราะ "ความกังวลเกี่ยวกับอากาศหายใจ หรือที่เรียกว่าภาวะขาดออกซิเจนเฉียบพลัน"

 

รายงานฉบับล่าสุดที่ออกเมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ความล้มเหลวของระบบออกซิเจน T-45 เพิ่มขึ้นจาก 13 ครั้ง ในปี 2012 เป็น 38 ในปี 2016 นอกจากนี้รายงานยังระบุถึงความล้มเหลว 21 ครั้งที่เกิดขึ้นในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2560

 

 

 

ความล้มเหลวของการขาดออกซิเจนเฉียบพลัน ได้เพิ่มขึ้นจาก 57 ในปี 2012 เป็น 125 ในปี 2016 มีความล้มเหลว 52 ครั้งในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2017 สำหรับเครื่องบิน F / A-18s

 

ขณะที่ล่าสุดทางด้าน พล.ร.อ.จอห์น ริชาร์ดสัน ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งไปยังผู้บัญชาการกองเรือทุกแห่ง ให้ระงับปฏิบัติการเป็นเวลา "1-2 วัน" ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้มีการประเมินการทำงานที่ผ่านมา และทบทวนแนวทางปฏิบัติการทั้งหมดร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การรับประกันความปลอดภัยและยกระดับประสิทธิภาพของปฏิบัติการให้มีความพร้อมมากกว่านี้ในอนาคต ถือเป็นคำสั่งเพิ่มเติมจากากรสั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวนหาสาเหตุของการชนกันระหว่างเรือพิฆาต "ยูเอสเอส จอห์น เอส. แมคเคน" กับเรือบรรทุกน้ำมัน "แอลนิก เอ็มซี" ติดธงชาติไลบีเรีย บริเวณรอยต่อน่านน้ำระหว่างสิงคโปร์กับมาเลเซีย ใกล้กับช่องแคบมะละกา ส่งผลให้เรือจอห์น เอส. แมคเคน ได้รับความเสียหายเป็นโพรงขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เมตร บริเวณท้ายเรือด้านซ้าย แต่ยังสามารถเดินทางต่อไปเทียบท่าที่สิงคโปร์ได้ ส่วนเรือแอลนิก เอ็มซี ไม่ได้รับความเสียหายและสามารถเดินทางต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้ลูกเรือของสหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บ 5 คน และยังสูญหายอีก 10 คน ซึ่งสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ยังคงร่วมกันค้นหา โดยเหตุการณ์ระหว่างเรือจอห์น เอส. แมคเคน กับเรือแอลนิก เอ็มซี เกิดขึ้นเพียง 2 เดือนหลังอุบัติเหตุเรือพิฆาต "ยูเอสเอส ฟิตซ์เจอรัลด์" ชนเข้ากับเรือบรรทุกสินค้า "เอซีเอ็กซ์ คริสตัล" ติดธงชาติฟิลิปปินส์ นอกชายฝั่งทางตะวันตกของญี่ปุ่น เมื่อกลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้ลูกเรือ 7 นายเสียชีวิต หลังเกิดเหตุกองทัพเรือสหรัฐฯลงโทษทางวินัยลูกเรืออย่างน้อย 12 นาย รวมถึงการปลด น.ท.ไบรนซ์ เบนสัน ออกจากตำแหน่งกัปตันเรือด้วย

 

 

สำหรับเรื่องดังกล่าว น่าสนใจอย่างยิ่ง ว่าจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ กับกรณีหนึ่งที่ทาง ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานข่าว เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมาโดยอ้างถึงสื่อมวลชนรัสเซียระบุว่า ทหารหน่วยสงครามอิเล็กทรอนิกของรัสเซีย สามารถใช้เทคโนโลยีตรวจจับและทำให้เกิดปฏิกิริยาสะเทิน จะทำให้ระบบเรดาร์, เรือและดาวเทียม ไม่สามารถควานหาหรือทำลายเป้าหมายได้

 

 

รัสเซียใช้เครื่องบินรบเพียงลำเดียวบินวนรอบเรือพิฆาตยูเอสเอส โดนัลด์ คุก ของสหรัฐฯในทะเลดำเมื่อหลายปีก่อน ก่อกวนระบบของเรือจนใช้งานไม่ได้และหมดหนทางช่วยเหลือ พร้อมระบุว่าทหารหน่วยสงครามอิเล็กทรอนิกของรัสเซีย ยังสามารถก่อกวนทาง ต่อฐานทัพต่างๆ ทำให้จอเรดาร์ของฐานทัพเหล่านั้นไม่สามารถจับสัญญาณเครื่องบินรบของพวกเขาได้อีกต่อไป ฟ็อกซ์นิวส์ยังได้ รายงานต่อถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายพลแฟรงค์ โกเรนท์ นายทหารระดับสูงของสหรัฐฯ ยอมรับว่าอาวุธอิเล็กทรอนิกของรัสเซียทำให้การทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกที่ติดตั้งบนขีปนาวุธ เครื่องบินและกองเรือนั้นไม่สามารถทำงานได้อย่างสิ้นเชิง

รายงานข่าวดังกล่าวยังระบุว่าขณะนี้รัสเซียไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธราคาแพงใด ๆ ใช้แค่วิธีส่งสัญญาณก่อกวนทางอิเล็กทรอนิก ที่สูงด้วยศักยภาพ ก็เพียงพอจะทำให้เป็นผู้ชนะได้แล้ว