- 30 ส.ค. 2560
ระเบิด MK 48 คือระเบิดน้ำหนัก 2,000 ปอนด์ ออกแบบมาเพื่อเจาะเป้าหมายที่แข็งแรงทนทาน
วันที่ 29 สิงหาคม 2560 กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้รายงานว่าเกาหลีเหนือทำการยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งที่ยังไม่ทราบชนิด ออกจากบริเวณภูมิภาคซูนัน ใกล้กับกรุงเปียงยาง เมื่อเวลาก่อน 06.00 น. โดยขีปนาวุธสามารถทะยานขึ้นสู่ระดับความสูง 550 กิโลเมตร และเดินทางไปได้เป็นระยะทางไกลถึง 2,700 กิโลเมตร ผ่านน่านฟ้าเหนือเกาะฮอกไกโด ที่อยู่ในภาคเหนือของญี่ปุ่น ก่อนแตกออกเป็น 3 ชิ้นและตกลงสู่ทะเล ห่างจากเมืองอิริโมะ เกาะฮอกไกโดราว 1,180 กิโลเมตร
หลังเกิดเหตุรัฐบาลญี่ปุ่นออกประกาศเตือนภัยด้านความมั่นคงครอบคลุมภาคเหนือของประเทศ ขณะที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กล่าวประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นภัยคุกคามขั้นร้ายแรง ต่ออธิปไตยของญี่ปุ่น ตลอดจนเสถียรภาพและความมั่นคงในระดับภูมิภาค โดยมาตรการในเบื้องต้นต่อจากนี้จะเริ่มจากการแสดงออกตามพิธีการทูต ผ่านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี ร่วมด้วยการเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือ ต่อไป
แต่ก็เกิดประเด็นคำถามเช่นกัน ว่าเมื่อขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ผ่านน่านฟ้าของญี่ปุ่น เหตุใด ญี่ปุ่นถึงไม่ดำเนินการ สกัดกั้นขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ จากระบบป้องกันขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ Patriot PAC-3 เหตุการณ์ ครั้งนี้ ถือเป็น ครั้งแรกในรอบ 8 ปี ที่ทางเกาหลียิงขีปนาวุธผ่านน่านฟ้าของญี่ปุ่น
หลังการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ไม่นานนักทางด้านทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้แถลงว่าเครื่องบิน F-15K ของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ จำนวน 4 ลำ ได้หย่อนระเบิด MK 48 ลงสู่เป้าหมายจำลองที่สนามซ้อมรบ Taebaek Pilsung ในจังหวัดคังวอน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมเผยเปิดว่าระเบิดทุกลูกพุ่งลงสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำ การฝึกซ้อมดังกล่าวคือการตอกย้ำให้เห็นถึงแสนยานุภาพของกองทัพอากาศเกาหลีใต้ในการทำลายล้างผู้นำของศัตรูในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน
ระเบิด MK 48 คือระเบิดน้ำหนัก 2,000 ปอนด์ ออกแบบมาเพื่อเจาะเป้าหมายที่แข็งแรงทนทาน ขณะที่ โรเบิร์ต เคลลี ศาสตราจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติปูซาน แสดงความคิดเห็นว่าเกาหลีใต้พยายามตอบโต้อย่างระมัดระวัง
ขณะที่ทางด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาเตือนไปยังเกาหลีเหนือทันทีว่า ทุกทางเลือกวางอยู่บนโต๊ะ การทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้ของเกาหลีเหนือถือว่าเป็นพฤติกรรมยั่วยุครั้งหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเกิดขึ้นขณะที่สหรัฐฯและเกาหลีใต้กำลังซ้อมรบร่วมในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้กับเกาหลีเหนือ ซึ่งมองว่า ทั้งสองประเทศกำลังเตรียมความพร้อมในการรุกรานเกาหลีเหนือนั่นเอง
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่เคยประกาศว่าจะไม่ยอมให้เกาหลีเหนือพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถโจมตีได้ถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ บอกว่าโลกได้รับสารล่าสุดที่ดังกึกก้องและชัดเจนจากเกาหลีเหนือแล้ว รัฐบาลนี้ส่งสัญญาณลบหลู่ชาติเพื่อนบ้าน สมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศและมาตรฐานพฤติกรรมซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ พฤติกรรมข่มขู่และก่อความไม่เสถียรรังแต่จะทำให้รัฐบาลเกาหลีเหนือถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นในภูมิภาคและในประชาคมโลก ทุกทางเลือกวางอยู่บนโต๊ะ
ทูตด้านการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าขณะนี้สหรัฐฯ จำเป็นต้องวิเคราะห์การทดสอบหนล่าสุดของเกาหลีเหนือเพิ่มเติม ซึ่งมันจะถูกนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ด้านจีนซึ่งเป็นพันธมิตรหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือ บอกว่าวิกฤตนี้กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่ง แต่ขณะเดียวกันมันอาจมีจุดเปลี่ยนสำหรับเปิดประตูสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพ ส่วน รัสเซีย ยืนกรานให้เกาหลีเหนือปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ