ไม่เข้าใจว่าคนที่นี่รักและเคารพพระมหากษัตริย์ของพวกเขามาก ดังนั้นผมจึงเริ่มต้นการค้นคว้าเกี่ยวกับเหตุผลที่พวกเขารักพระมหากษัตริย์ของพวกเขามากและนั่นทำ

ความในใจชาวมาเลเซีย  เพราะวันหนึ่งสงสัย ว่าทำไมคนไทยถึงรัก ในหลวง ร.๙  จึงตามหาคำตอบทำให้วันนี้ เขาจึงรักพระองค์ ไม่ต่างจากคนไทย

วันที่ 25 ตุลาคม 2560 เว็บไซต์ www.thestar.com.my ได้เผยแพร่บทความ เรื่อง King Bhumibol: A fond and final farewell by Thais and Malaysians โดยมีเนื้อหา ดังต่อไปนี้ ...
 

ความในใจชาวมาเลเซีย  เพราะวันหนึ่งสงสัย ว่าทำไมคนไทยถึงรัก ในหลวง ร.๙  จึงตามหาคำตอบทำให้วันนี้ เขาจึงรักพระองค์ ไม่ต่างจากคนไทย


PETALING JAYA: เมื่อแม่บ้าน ที่ชื่อว่าสาคร สาลีสองสม ได้ยินข่าวร้ายเกี่ยวกับการ เสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เธอก็ได้ติดริบบิ้นสีดำไว้ทุกข์ในทุก ๆ วัน

 

แม่บ้านหญิงวัย 49 ปีจากจังหวัดเชียงรายยังคงติดริบบิ้นสีดำกับเสื้อผ้าของเธอด้วยการแสดงออกถึงความจงรักภักดีทุกวันใน ในการใช้ชีวิตอยู่กลางเมืองเปตาลิงจายา ของประเทศมาเลเซีย

 

"มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ได้ยินว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงสวรรคต และไม่เชื่อว่าหนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนเป็นสัปดาห์เดียวเท่านั้นเพราะความเศร้าโศกและความเสียใจยังคงอ้อยอิ่งอยู่ ขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย"


วันที่ 26 ตุลาคม 2560 จะมีงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งสาคร ได้อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย กว่า 30 ปี บอกกล่าวว่าตลอด 5 วันที่ผ่านมานั้นได้เฝ้าติดตามข่าวสารผ่านทางโลกออนไลน์ รวมถึงความเคลื่อนไหวจากครอบครัวในประเทศไทย

 

ความในใจชาวมาเลเซีย  เพราะวันหนึ่งสงสัย ว่าทำไมคนไทยถึงรัก ในหลวง ร.๙  จึงตามหาคำตอบทำให้วันนี้ เขาจึงรักพระองค์ ไม่ต่างจากคนไทย

 


อีกคนหนึ่งคือ ชัชนิต อารีฟ อายุ 31 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันเป็นครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซีย ได้เปิดเผยว่าได้เฝ้าติดตามงานพระราชพิธี ทางสื่อสังคมออนไลน์

 

"เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประเทศชาติประสบ เสียใจอย่างสุดซึ้งและคำพูดไม่สามารถบรรยายได้ว่าเราทุกคนในประเทศไทยเป็นทุกข์ พระมหากษัตริย์ผู้ล่วงลับเป็นเหมือนพ่อของเรา เวลานี้ท่านจากเราไปที่ผ่านมาเราก็รู้สึกปลอดภัยเพราะท่านดูแลพสกนิกรของท่านมาโดยตลอด"

 

แม้ว่าเธอจะอาศัยอยู่ในมาเลเซียมาเกือบห้าปีแล้ว แต่ชัชนิตยังกล่าวอีกว่าความรักเขากับ พระมหากษัตริย์ผู้ล่วงลับไม่มีวันเสื่อมคลาย "ฉันแน่ใจว่าคนไทยทั่วโลกแบ่งปันความรู้สึกนี้ซึ่งกันและกันนี้ และทุกคนรู้สึกเช่นเดียวกันเราคิดถึงพ่อหลวง แม้ว่าท่านจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่พระราชดำริของพระองค์ ยังคงเป็นมรดก ที่จะอยู่กับเราตลอดไป "


ขณะที่ชาวมาเลเซีย ก็ไม่ได้แตกต่างจากคนไทยมากนัก กับงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

จัสติน อึ้ง ผู้จัดการโครงการที่อาศัย ในเมืองเคลานาจายาได้เดินทางมาประเทศไทยด้วยความตั้งใจที่จะร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ กับครอบครัวของเขา

 

จัสติน อึ้ง เปิดเผยว่า เขาเคยเดินทางมาทำงานในประเทศไทย เป็นเวลา 6 เดือน ในช่วงปี พ.ศ. 2553 เขาอยากรู้มากกว่า ทำไมคนไทยถึงได้รักพระองค์ และเคารพพระองค์เป็นอย่างยิ่ง เขาจึงได้ทำการศึกษา เรื่องราวต่าง ๆ จนทำให้ตัวเขาเองรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นไม่แตกต่างจากคนไทยคนหนึ่ง

 

"ฉันมาเข้าใจว่าคนที่นี่รักและเคารพพระมหากษัตริย์ของพวกเขามากแค่ไหน ดังนั้นผมจึงเริ่มต้นการค้นคว้าเกี่ยวกับเหตุผลที่พวกเขารักพระมหากษัตริย์ของพวกเขามากและนั่นทำให้ผมรู้สึกแบบเดียวกัน "

 

"ผมรู้สึกเศร้าเสียใจเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เพราะพระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกาย เพื่อคนไทย ทำให้ประเทศไทยเป็นได้แบบทุกวันนี้ และสมควรแล้วที่พระองค์ท่านจะได้รับการยกย่องว่า เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นราชันแห่งราชา "

 

ความในใจชาวมาเลเซีย  เพราะวันหนึ่งสงสัย ว่าทำไมคนไทยถึงรัก ในหลวง ร.๙  จึงตามหาคำตอบทำให้วันนี้ เขาจึงรักพระองค์ ไม่ต่างจากคนไทย

 

ภรรยาของเขา ลัดดาพร คนเกียรติ วัย 31 ปี ชาวจังหวัดตรัง กล่าวว่าครอบครัวตัดสินใจเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

 

โดยทางด้านลัดดาพรอาศัยอยู่ในมาเลเซียมา 4 ปีที่ผ่านมาได้กล่าวว่า คนไทย มีพ่อสองคน คนแรก คือพ่อที่เป็นผู้ให้กำเนิด ส่วนคนที่สอง คือพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย

 

"เขาไม่เคยสอนเราให้รักเขา แต่เขาสอนให้เรารักกันและกัน เมื่อเราเป็นลูก ๆ ของเขาได้เรียนรู้ว่าความรักคืออะไรและในที่สุดเราก็รักและเคารพเขาอย่างเป็นธรรมชาติ " เธอกล่าว

 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทำงานโดยไม่มีวันหยุด ช่วยเหลือทุกคนโดยไม่คำนึงว่าจะมาจากเมืองหรือหมู่บ้านที่รกร้าง ความฝันของพระองค์ท่านเพียงอย่างเดียวคือทำให้ทุกคนมีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้นเรารู้ว่าพระองค์เหนื่อย แต่พระองค์ไม่เคยบ่นหรือไม่บอกว่าพระองค์เหนื่อย ถึงแม้ว่าที่พระองค์ประชวร พระองค์ท่านยังทรงงานเพื่อพสกนิกรของพระองค์ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา

 

"เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาในสมัยรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แม้วันนี้พระองค์ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่พระองค์ยังคงอยู่ในหัวใจของเราตลอดไป เราจะใช้สิ่งที่พระองค์ได้สอนให้เราและนำไปใช้ในชีวิตของเราและสอนให้ลูก ๆ ของเรา "

 

ความในใจชาวมาเลเซีย  เพราะวันหนึ่งสงสัย ว่าทำไมคนไทยถึงรัก ในหลวง ร.๙  จึงตามหาคำตอบทำให้วันนี้ เขาจึงรักพระองค์ ไม่ต่างจากคนไทย

 

ทางด้าน โท ซี ลุน เข้าของร้านเสื้อผ้าชาวมาเลเซีย เลือกที่จะเดินทางมายังประเทศไทยในวันพุธที่ 25 ตุลาคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

 

คนไทยมีความรู้สึกลึกซึ้งในประเพณีและเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เห็นสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขา และจะได้เห็นถึงหัวใจของคนไทยที่มีความรักให้กับพระองค์ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระมหากษัตริย์ ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

 

อ้างอิงเนื้อหา https://www.thestar.com.my/news/nation/2017/10/25/king-bhumibol-a-fond-and-final-farewell-by-thais-and-malaysians/