เกิดบ่อยไปไหม?? เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี กองเรือที่ 7 กองทัพเรือสหรัฐฯ โดนเรือลากจูงญี่ปุ่น ชน (อีกแล้ว)

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว วันที่ 18 พฤศจิกายน 2560 กรณี เรือพิฆาต ยูเอสเอส เบนโฟลด์ ซึ่งเป็นเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ของกองเรือที่ 7 กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ถูกเรือลากจูงของญี่ปุ่นพุ่งเข้าชน ขณะที่เรือพิฆาตลำดังกล่าวกำลังร่วมฝึกซ้อมการลากจูง และ จัดฝึกซ้อมร่วมทางทะเล เป็นเวลา 10 วันกับทางด้านกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น
 

ทางด้านกองเรือที่ 7 กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้แถลงว่า เรือพิฆาต ยูเอสเอส เบนโฟลด์ ถูกเรือลากจูงพุ่งเข้าชน แต่ทว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ขณะที่เรือพิฆาตของกองทัพเรือสหรัฐฯ เกิดการเสียหายเล็กน้อย แต่ทั้งนี้แล้วยังต้องรอการประเมินความเสียหายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
 

 

ขณะที่ทางด้านยามฝั่งของญี่ปุ่นได้ออกมาให้ข้อมูลว่า เรือลากจูงลำดังกล่าวเชือกเข้าไปพันกับใบจักรของเรือทำให้เสียการควบคุม และ ได้พุ่งเข้าชนเรือพิฆาตของกองทัพเรือสหรัฐฯ แต่ไม่ได้เกิดความเสียหายร้ายแรงแต่อย่างใด

 

เรือสังกัดกองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ เกิดเหตุชนกับเรือลำอื่นๆ ในเอเชียมาหลายครั้งแล้วในปีนี้

 

เมื่อเดือนสิงหาคม กองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ที่เมืองโยโกซุกะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ว่าเรือยูเอสเอส จอห์น เอส. แมคเคน ระวางขับน้ำ 8,900 ตัน ซึ่งเป็นเรือพิฆาตติดตั้งระบบขีปนาวุธนำวิถี ชนเข้ากับเรือบรรทุกน้ำมัน แอลนิก เอ็มซี บริเวณช่องแคบมะละกา นอกชายฝั่งทางตะวันออกของสิงคโปร์ เมื่อเวลา 05.24 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 21 สิงหาคม โดยเรือจอห์น เอส. แมคเคน กำลังเตรียมเทียบท่าที่สิงคโปร์ ซึ่ง อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้เรือ จอห์น เอส. แมคเคนได้รับความเสียหายบริเวณท้ายเรือด้านซ้าย ทำให้มีลูกเรือสูญหายจำนวน 10 คน และ มีลูกเรือได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย

เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ ที่ต่อเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2560 ได้เกิดเหตุเรือพิฆาต ยูเอสเอส ฟิตซ์เจอรัลด์ ชนเข้ากับเรือบรรทุกสินค้าเอซีเอ็กซ์ คริสตัล ซึ่งมีระวางขับน้ำ 29,060 ตัน หรือใหญ่กว่าเรือฟิตซ์เจอรัลด์ ประมาณ 3 เท่า นอกชายฝั่งทางตะวันตกของญี่ปุ่น ผลให้ลูกเรือ 7 นายเสียชีวิต ขณะที่ผลสอบสวนของหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นระบุว่าอุบัติเหตุดังกล่าวสามารถหลีกเลี่ยงได้ และลูกเรือทั้งสองฝ่ายมีความประมาท หลังเกิดเหตุกองทัพเรือสหรัฐฯ ลงโทษทางวินัยลูกเรืออย่างน้อย 12 นายรวมถึงกัปตันเรือ

 

ขณะที่ทางด้านองค์กรผู้ตรวจสอบสหรัฐฯ เปิดเผยว่า กองทัพเรือสหรัฐฯได้มีการสั่งปลด พล.ร.ท. โจเซฟ โอคอยน์ ผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 หลังเกิดเหตุเรือพิฆาตเฉี่ยวชนกับเรือสินค้าหลายครั้ง และเร่งทำการสอบสวน กองเรือที่ 7 ยกชุด เพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้น จากรายงานยังพบว่าเรือรบอเมริกันที่ประจำการในน่านน้ำญี่ปุ่นกว่า 1 ใน 3 ไม่ได้ต่ออายุใบรับรองการฝึกสงคราม ขณะที่สภาคองเกรสหวั่นกองทัพเรืออเมริกาอาจไม่พร้อมรับมือภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้น

จอห์น เพนเดิลตัน จากสำนักงานตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลแห่งสหรัฐฯ (GAO) ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการกิจการกองทัพแห่งสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างรายงานซึ่งพบว่า ร้อยละ 37 ของเรือลาดตระเวนและเรือพิฆาตสหรัฐฯ ที่ประจำการอยู่ในญี่ปุ่นยังไม่ได้ต่อใบรับรองการฝึกสงครามที่ “หมดอายุ” ไปตั้งแต่เดือน มิ.ย. นับเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้น 5 เท่าตัวจากเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2015
ในรายงานของ สำนักงานตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลแห่งสหรัฐฯ (GAO) ยังระบุด้วยว่า การลดจำนวนลูกเรือลงส่งผลให้ทหารบางนายต้องทำงานหนักถึง 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่เวลาฝึกซ้อมก็มีอยู่อย่างจำกัด เนื่องจากต้องออกปฏิบัติภารกิจบ่อยขึ้น ซึ่งหากมีใบรับรองการฝึกสงครามถือเป็นเครื่องชี้วัดว่าเรือรบและลูกเรือทุกนายผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีพอ และการออกปฏิบัติภารกิจอาจจะไม่มีประสิทธิ์ภาพเพียงพอ
 

 

ส่วนทางด้าน พล.ร.อ. บิล โมแรน รองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการทางเรือ มองว่า การมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยนั้นไร้ประโยชน์ หากทหารยังไม่ได้รับการฝึกที่ดีพอ “เทคโนโลยีที่สุดยอด อุปกรณ์อันดีเยี่ยมซึ่งเราติดตั้งเอาไว้บนเรือรบ รวมถึงอานุภาพของระบบอาวุธ ล้วนแต่ไร้ความหมาย หากไม่มีทหารผู้รักชาติที่มีประสบการณ์ ทักษะ และผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี” คำแถลงของ โมแรน ต่อคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนฯ

อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้มีปรับปรุงตารางภารกิจใหม่ เพื่อให้เรือที่ประจำการอยู่ในต่างแดนมีช่วงเวลาฝึกซ้อมมากขึ้น แต่ตารางนี้ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้จริง ทั้งนี้ ทางด้าน ส.ส.อเมริกันหลายคนแสดงท่าทีเป็นห่วงความพร้อมของกองทัพเรือในเวลานี้ “แนวโน้มจากการฝึกที่ไม่สมบูรณ์แบบมีส่วนทำให้ทหารขาดความชำนาญในการเดินเรือ ดังเช่น เหตุการณ์ เรือ ยูเอสเอส จอห์น แมคเคน และ ยูเอสเอส ฟิตซ์เจอรัลด์” ร็อบ วิตต์แมน ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐเวอร์จิเนีย กล่าว