โจเซฟ ยุน ทูตพิเศษสหรัฐฯ ด้านเกาหลีเหนือ ซึ่งได้เดินทางมาประเทศไทยได้มีคำร้องขอ ให้ทางการไทยนั้นเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือ

สื่อนอก แฉ สหรัฐฯ ส่งทูต กดดันไทย เลิกค้าขายกับเกาหลีเหนือ

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานข่าว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 ทางด้าน พลเอกวัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ทางโจเซฟ ยุน ทูตพิเศษสหรัฐฯ ด้านเกาหลีเหนือ ซึ่งได้เดินทางมาประเทศไทยได้มีคำร้องขอ ให้ทางการไทยนั้นเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะทางด้านการค้าและการทูตมากยิ่งขึ้น
 

 

สื่อนอก แฉ สหรัฐฯ ส่งทูต กดดันไทย เลิกค้าขายกับเกาหลีเหนือ
เอกวัลลภ รักเสนาะ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ไทยได้ลดมูลค่าการค้าขายกับเกาหลีเหนือลงอย่างมาก และมีการจำกัดการออกวีซ่าให้แก่พลเมืองของเกาหลีเหนืออีกด้วย


เอเอฟพี ยังรายงานข่าวว่า ไทยนั้นเป็นพันธมิตรที่ยาวนานของสหรัฐฯในภูมิภาคแห่งนี้ และเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่มีสถานทูตเกาหลีเหนือตั้งอยู่ และเป็นประเทศที่ได้รับผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจจากเกาหลีเหนือเป็นอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากสหประชาชาติ และสหรัฐฯ กำลังดำเนินการให้ผู้นำในแต่ละประเทศดำเนินการกดดันเกาหลีเหนือให้หนักมากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมานั้นมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาตินั้นไม่สามารถที่จะทำให้เกาหลีเหนือยุติในการทดสอบนิวเคลียร์ อย่างที่ตั้งใจเอาไว้

สื่อนอก แฉ สหรัฐฯ ส่งทูต กดดันไทย เลิกค้าขายกับเกาหลีเหนือ

 

นอกจากนั้นแล้วทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพี ได้อ้างข้อมูลจากทางด้านนางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าของกระทรวงพาณิชย์ คาดหมายว่าช่วงปลายปี 2017 จะไม่มีการส่งออกหรือนำเข้าสินค้าระหว่างไทยกับเกาหลีเหนืออีกต่อไป

เมื่อ วันที่ 9 ธันวาคม 2560 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีการออกแถลงการณ์เรื่องการส่ง นายโจเซฟ ยุน ทูตพิเศษด้านนโยบายเกาหลีเหนือ จะเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย ระหว่างวันที่ 11 ถึง 15 ธันวาคม 2560 นี้ เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ ถึงแนวทางการยกระดับมาตรการกดดันเกาหลีเหนือ หลังนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ได้ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธรุ่นใหม่ ฮวาซอง-15 จากจังหวัดพยองอันใต้ ฝั่งตะวันตกของเกาหลีเหนือ ไปตกลงในน่านน้ำเขตเศรษฐกิจพิเศษของทะเลญี่ปุ่น เมื่อช่วงเวลา 03.30 น. ของวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่า ทางสหรัฐฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับความร่วมมือในยกระดับการเป็นพันธมิตรด้านนโยบายเกาหลีเหนือกับทั้ง 2 ประเทศ เพื่อนำไปสู่การยุติโครงการนิวเคลียร์ของนายคิมจองอึน

นอกจากนี้ยังมีรายงานเข้ามาอีกว่า นายเจฟฟรีย์ เฟลต์แมน รองเลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ด้านกิจการการเมือง ได้มีการไปเยือนเกาหลีเหนือเป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งการเดินทางของรองเลขาธิการสหประชาชาติในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่ไปเยือนเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการตามคำเชิญของรัฐบาล แต่ไม่มีการระบุชัดเจนว่าได้มีการพบหารือกับนายคิมจองอึน หรือไม่

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีนายโจเซฟ ยุน ผู้แทนสหรัฐฯ ว่าด้วยนโยบายเกาหลีเหนือ จะมาพบว่า เรื่องเกาหลีเหนือ เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งไทยโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศก็ยืนยันมาตลอดว่าได้ปฏิบัติตามมติของยูเอ็นอย่างครบถ้วน บางอย่างมากกว่าเขาด้วยซ้ำ หลายประเทศเขาก็ทำเท่าที่กำหนดมา แต่เราทำเยอะแยะ เพราะฉะนั้นที่มีการกล่าวอ้างว่า มีเรือเกาหลีเหนือ ซึ่งตนได้สั่งห้ามมาเทียบท่านานแล้ว ต้องผลักดันออกไปให้หมด ไม่มีการค้าขายระหว่างกัน ไม่มีการซื้อถ่านหินระหว่างกัน ไม่มีการประกอบการค้า


“ตอนนี้เยอะแยะไปหมดจนแทบกระดิกไม่ได้อยู่แล้ว อย่าไปฟังเขามากนักเลย อะไรที่เป็นมติสหประชาชาติ ผมก็ทำและทำพร้อมไปกับเพื่อนอาเซียนด้วย ไม่ใช่ผมทำคนเดียว เป็นพระเอกก็ไม่ใช่ เพราะถือว่าเป็นมติของอาเซียน ซึ่งในการกล่าวถ้อยแถลงอะไรก็แล้วแต่ ครั้งที่แล้วถ้อยแถลงอาเซียนไม่มี แต่ไทยเป็นคนเสนอเองว่าอย่างน้อยก็ให้แถลงออกมาว่าเราทำอะไรบ้างที่สอดคล้องกับมติสหประชาชาติ จึงได้มีถ้อยแถลงดังกล่าวออกมา ดังนั้นอย่าไปว่าพวกเรากันเอง”

ล่าสุดทางด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าว เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2560 ว่า เกาหลีเหนือได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาที่ประเทศไทยจำนวน 4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือทางด้าน โช จิน รองหัวหน้าสถาบันสันติภาพและการปลดอาวุธ ประจำกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ เพื่อที่จะได้พบและหารือลับกับทางด้าน นายโจเซฟ ยุน ทูตพิเศษด้านนโยบายเกาหลีเหนือ ของสหรัฐฯ ระหว่างที่จะมีการประชุมสภาความร่วมมือด้านความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก CSCAP (Council for Security Cooperation in the Asia Pacific)
ที่ จ.เชียงใหม่

สื่อต่างประเทศยังได้มีการคาดการณ์ว่าการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ของเหาหลีเหนือ และสหรัฐฯ นครั้งนี้จะเป็นการเปิดเจรจาครั้งแรกระหว่างสหรัฐฯ และ เกาหลีเหนือ

ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ ก่อนหน้านี้ที่ทางด้าน เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า ขณะนี้มาตรการกดดันเกาหลีเหนือ ไม่ว่าจะการใช้การกดดันจากนานาชาติ การยกเลิกการค้าขาย เพื่อสร้างความลำบากทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการขู่ใช้มาตรการทางทหาร ก็ยังคงดำเนินต่อไป และยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่สามารถที่จะยอมรับได้หากเกาหลีเหนือจะขึ้นมาเป็นรัฐนิวเคลียร์เบอร์ 1 ของโลกในอนาคต

แต่ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ก็ยังคงมีท่าทีออมชอม อย่างเห็นได้ชัดว่า การเจรจาระหว่างคิม จองอึน กับสหรัฐฯ เองก็ยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และพร้อมที่จะพบปะเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น เขายังกล่าวย้ำในงานเสวนา นโยบายของสถาบันวิจัย แอตแลนติก เคาน์ซิล ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า ขอโอกาสได้พบกับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ แม้จะได้พูดคุยเรื่องสภาพอากาศ ก็ยังดี อย่างน้อยก็น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ก้าวสู่เป้าหมายในการเจรจาในอนาคต