- 21 ม.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.gninternews.com
ภาวะชัตดาวน์นี้ จะทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางทั่วสหรัฐฯ จะไม่สามารถดำเนินงานต่อได้เนื่องจากขาดงบประมาณ และพนักงานรัฐที่ไม่จำเป็น หลายแสนคนจะต้องถูกพักงานชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ส่วนพนักงานที่ ยังมีความจำเป็นอยู่ เช่นเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลเรื่องความปลอดภัยสาธารณะและความมั่นคงของชาติจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ รวมถึงทหารกว่า 1.3 ล้านคน ที่จำเป็นต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง จนกว่าร่างงบประมาณจะผ่าน หรือมีกฎหมายอื่นๆ มารองรับ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว วันที่ 20 มกราคม 2561 กรณีทางด้าน สหรัฐฯ กำลังเผชิญวิกฤต เรื่องร่างงบประมาณ อีกครั้ง เนื่องจากสมาชิกพรรคเดโมแครต และ พรรครีพับลิกัน มีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ การเจราเรื่องการผ่านร่างงบประมาณนั้น ไม่สำเร็จอย่างที่คิด จนนำไปสู่การชัตดาวน์ ปิดหน่วยงานรัฐบาลกลาง อีกครั้ง
การประชุมวุฒิสภาเผื่อผ่านงบประมาณชั่วคราว มีกำหนดเส้นตายเอาไว้ในเวลา 24.00 น.ของวันที่ 19 มกราคม 2561 แต่ปรากฏว่า ที่ประชุมของวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้มีมติคัดค้านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวซึ่งจะขยายวงเงินอุดหนุนหน่วยงานของรัฐไปจนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 โดยการผ่านร่างกฎหมายจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนขั้นต่ำ 60 เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา 100 คน แต่ปรากฏว่ามีผู้ยกมือสนับสนุนเพียง 50 เสียงเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ทางด้านสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวด้วยคะแนนโหวต 230 ต่อ 197 เสียง เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2561 โดยที่ทางด้านพรรครีพับลิกันจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.เดโมแครตอย่างน้อย 10 คนเพื่อให้ร่างกฎหมายผ่านวุฒิสภา แต่ผลปรากฏว่ามี ส.ว.เดโมแครตยกมือสนับสนุนเพียงแค่ 5 คน ขณะที่ ส.ว.รีพับลิกันอีก 5 คนโหวตคัดค้าน ทางด้านส.ว.เดโมแครตส่วนใหญ่โหวตคัดค้านร่างกฎหมายนี้ หลังพยายามต่อรองให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาตรการคุ้มครองเยาวชนที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายหรือดรีมเมอร์แต่ไม่สำเร็จ
การเจรจาที่ล้มเหลวในนาทีสุดท้ายระหว่าง มิตช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำ ส.ว.รีพับลิกันเสียงข้างมาก กับ ชัค ชูเมอร์ แกนนำ ส.ว.เดโมแครตเสียงข้างน้อย ส่งผลให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต้องปิดตัวลงชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2561 ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 1 ปีที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งพอดิบพอดี
ทางด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมากล่าวโทษทันทีว่าวิกฤต ชัตดาวน์ ครั้งนี้เป็นความผิดของพรรคเดโมแครต และยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยังประกาศจะไม่ยอมเจรจาเรื่องผู้อพยพดรีมเมอร์ จนกว่าหน่วยงานรัฐจะเปิดทำการได้ตามปกติ
ขณะที่ทางด้านชัค ชูเมอร์ แกนนำ ส.ว.เดโมแครตเสียงข้างน้อย ก็โยนความผิดกลับไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เช่นกัน เขากล่าวว่า ผู้นำประเทศ ต้องการให้เกิดการชัตดาวน์ จึงไม่ยอมที่จะเจราเรื่องผู้อพยพดรีมเมอร์ และเขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว
ภาวะชัตดาวน์นี้ จะทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางทั่วสหรัฐฯ จะไม่สามารถดำเนินงานต่อได้เนื่องจากขาดงบประมาณ และพนักงานรัฐที่ไม่จำเป็น หลายแสนคนจะต้องถูกพักงานชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ส่วนพนักงานที่ ยังมีความจำเป็นอยู่ เช่นเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลเรื่องความปลอดภัยสาธารณะและความมั่นคงของชาติจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ รวมถึงทหารกว่า 1.3 ล้านคน ที่จำเป็นต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง จนกว่าร่างงบประมาณจะผ่าน หรือมีกฎหมายอื่นๆ มารองรับ
การปิดหน่วยงานรัฐบาลครั้งก่อนๆ จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะยาวมากนัก แต่ก็ทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วนพอสมควร ซึ่งครั้งนี้ ก็เช่นกัน การเปิดตลาดในวันจันทร์ ที่ 22 มกราคม 2561 ก็คงทำให้ตลาดหุ้นของสหรัฐฯ นั้นปั่นป่วนได้เช่นกัน