- 22 ม.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.gninternews.com
นักวิเคราะห์มองว่า ขณะนี้รัสเซีย กำลังเปิดทางให้กองทัพตุรกี เดินหน้าบดขยี้กลุ่มนักรบชาวเคิร์ด ที่ได้รับการสนับสนุนจากทางด้านสหรัฐฯ ได้อย่างเต็มที่
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2561 กรณีทางด้านกองทัพตุรกี ได้เปิดฉากปฏิบัติการทางทหารด้วยการยิงปืนใหญ่ข้ามชายแดนไปยังฝั่งประเทศซีเรีย เพื่อจะจัดการกับกลุ่มชาวเคิร์ด ที่เข้าควบคุมพื้นที่ริมชายแดนของซีเรีย ซึ่งกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ ถูกขึ้นบัญชีดำจากทางด้านรัฐบาลตุรกีว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากองกำลังของตุรกีได้ระดมยิงปืนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 70 นัดเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าว
นูเรตติน คานิคลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตุรกี ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ทางด้านกองทัพได้ส่งทหารราบจำนวนหนึ่งเพื่อเดินทางเข้าประชิดพื้นที่ของชาวเคิร์ดแล้ว และปฏิบัติการทางทหารได้เริ่มต้นขึ้นทันที หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางด้านประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประกาศว่ากองทัพตุรกีจะบดขยี้กองกำลังก่อการร้ายที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อคุกคามอธิปไตยและความมั่นคงของตุรกี
ทางด้านตุรกี ได้เปิดยุทธการโอลีฟ แบรนช์ ที่มีจุดมุ่งหมายขับไล่กองกำลังติดอาวุธพีเพิลส์ โพรเทคชั่น ยูนิตส์ หรือ YPG ของชาวเคิร์ดในซีเรีย ให้ออกไปจากพื้นที่เขตอัฟริน ทางภาคเหนือของซีเรีย
โดยกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ทางด้านสหรัฐฯ เป็นผู้ให้การสนับสนุน ดังนั้น การเปิดปฏิบัติการดังกล่าวของกองทัพตุรกี ได้เพิ่มความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เรียกร้องไปยังตุรกีให้สนใจแต่เรื่องการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามไอเอส และอย่าดำเนินการทางทหารในพื้นที่การควบคุมของกลุ่มชาวเคิร์ด
ทางด้านกองทัพตุรกีได้ออกมาประกาศว่า ขณะนี้ทางกองทัพได้ส่งกำลังทหารภาคพื้นดินข้ามพรมแดนของซีเรีย เข้าสู่พื้นที่การควบคุมของกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นแล้วได้ใช้ปืนใหญ่และเครื่องบินรบถล่มที่มั่นต่างๆ ที่อยู่รอบๆ อัฟริน โดยขณะนี้กลุ่มนักรบ ได้ถูกโจมตีเป้าหมายไปแล้ว 153 เป้าหมาย ซึ่งก็รวมถึงจุดหลบภัยและโกดังเก็บอาวุธอีกด้วย
ในขณะที่กองทหารตุรกี กำลังบุกคืบหน้าเคียงข้างกำลังจากกองกำลังติดอาวุธฟรี ซีเรียน อาร์มี หรือ FSA ซึ่งเป็นพวกกบฏซีเรียที่ฝักใฝ่ตุรกีและเวลานี้รุกเข้าไปข้างในซีเรียได้แล้ว 5 กิโลเมตร ทางด้านประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ายุทธการนี้จะสิ้นสุดลงได้ในระยะเวลาที่สั้น และทหารของเขาจะไม่มีการถอยหลังกลับ
การเปิดยุทธการโอลีฟ แบรนช์ เป็นการบุกเข้าซีเรียครั้งใหญ่เป็นรอบที่ 2 ระหว่างสงครามกลางเมืองในซีเรียซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว โดยในครั้งแรกคือช่วงเดือนสิงหาคม 2016 ถึงเดือนมีนาคม 2017 ที่ใช้ชื่อว่ายุทธการยูเฟรติส ชีลด์ ซึ่งกองทหารตุรกีและกองกำลัง FSA เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกของอัฟริน โดยมุ่งปราบปรามทั้งนักรบชาวเคิร์ด และกลุ่มก่อการร้ายไอเอส
ขณะที่ทางด้านกลุ่มนักรบชาวเคิร์ด ได้ออกแถลงการณ์ หลังจากที่ถูกกองทัพตุรกีถล่มโจมตี ว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 10 คน ซึ่ง เป็นพลเรือน 7 คน ขณะที่กองทัพตุรกี ยืนยันว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และ เสียชีวิตนั้นเป็นกลุ่มนักรบชาวเคิร์ด ที่ตุรกีมองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย นั่นเอง
ด้านกระทรวงการต่างประเทศตุรกีได้เชิญเอกอัครราชทูตของหลายประเทศ เข้ามารับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ โดยยืนยันว่าได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางด้านซีเรียรับทราบแล้ว แต่ถูกปฏิเสธ จากทางด้านซีเรีย เนื่องจากว่าทั้งสองนั้นมีปัญหาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
ส่วนรัสเซีย ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น อีกทั้งกำลังทำงานกับตุรกีในการผลักดันกระบวนการสันติภาพเพื่อยุติสงครามกลางเมืองในซีเรีย ซึ่งทางด้านกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ได้ออกแถลงการณ์ห่วงใยในสถานการณ์ และขอให้ทางตุรกี อดทนต่อสถานการณ์ ขณะที่ทางด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย แถลงเพิ่มเติมว่ากำลังถอนทหารของตนออกจากเขตพื้นที่ดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย
จากคำแถลงของรัสเซีย นักวิเคราะห์มองว่า ขณะนี้รัสเซีย กำลังเปิดทางให้กองทัพตุรกี เดินหน้าบดขยี้กลุ่มนักรบชาวเคิร์ด ที่ได้รับการสนับสนุนจากทางด้านสหรัฐฯ ได้อย่างเต็มที่