- 28 ม.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.gninternews.com
หลังจากที่ทางด้านกองทัพตุรกีได้ปฏิบัติการ "ช่อมะกอก" (Olive Branch) ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางทหารทั้งทางบกและทางอากาศ เพื่อกวาดล้างทั้งกองกำลังติดอาวุธพีเพิลส์ โพรเทคชั่น ยูนิตส์ หรือ YPG ของชาวเคิร์ดในซีเรีย และกองกำลังไอเอสที่ยังหลงเหลืออยู่ในคราวเดียว โดยตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา สามารถสังหารกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ดและกลุ่มไอเอส ไปแล้วอย่างน้อย 260 ราย
นายเมฟลุต กาวูโซกลู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของตุรกี ได้ประณามนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่ผิดสัญญา หลังจากที่เคยกล่าวกับประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกีว่าจะยุติการให้การสนับสนุนด้านอาวุธให้แก่กองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ด และ เวลานี้ สหรัฐฯ จะยุติการมอบความสนับสนุนกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ดในทุกๆด้านทันที
ขณะที่เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา ทางด้านทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ทางโทรศัพท์แล้ว ซึ่ง ทรัมป์ ได้ขอให้ผู้นำตุรกี ลดระดับความรุนแรงและจำกัดขอบเขตของปฏิบัติการทางทหารในเมืองอาฟริน ทางตอนเหนือของซีเรีย เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดความสูญเสียแก่พลเรือน และขอให้กองทัพตุรกีหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจก่อให้เกิดการบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งด้านอาวุธระหว่างทหารของทั้งสองประเทศ
แต่ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ของสหรัฐฯฉบับดังกล่าวไม่มีเนื้อหาใดที่ระบุโดยตรงถึงกองกำลังติดอาวุธพีเพิลส์ โพรเทคชั่น ยูนิตส์ หรือ YPG ของชาวเคิร์ด ที่สหรัฐฯให้การสนับสนุน ขณะที่ด้านทำเนียบของรัฐบาลตุรกี ได้รายงานเกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเออร์โดกันกับทรัมป์เพียงว่า ผู้นำตุรกีต้องการให้สหรัฐฯ ยุติการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ชาวเคิร์ดอย่างเด็ดขาด
กองทัพตุรกีเปิดแนวรบใหม่ในสงครามซีเรียที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2554 ที่เมืองอาฟริน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย ไม่ให้ตรึงกำลังตามแนวชายแดน หลังสหรัฐฯ ประกาศการก่อตั้งกองกำลังความมั่นคงที่อาจมีสมาชิกมากถึง 30,000 คน ในบริเวณนี้ และส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกวายพีจี กลุ่มติดอาวุธที่รัฐบาลตุรกีมองว่าเป็น กลุ่มก่อการร้าย พวกเดียวกับกองกำลังของพรรคคนงานเคอร์ดิสถาน ( พีเคเค ) ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนทางตอนใต้ของตุรกี
แต่ทว่าทีทีของตุรกี หลังจากที่ได้ผู้นำอย่างประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ได้พูดคุยกับทางด้านผู้นำสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ได้ขอให้ทางด้านกองทัพตุรกีหยุดปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่อาฟริน หลายฝ่ายก็มองท่าทีว่าทางด้านตุรกีจะดำเนินการอย่างไร ต่อจากนี้ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นการชัดเจนว่าทางด้านตุรกี ไม่ได้ฟังคำขอจากสหรัฐฯ แต่อย่างใดเมื่อ ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ได้ออกมาบอกกับผู้สื่อข่าวว่าปฏิบัติการทางทหารของกองทัพตุรกีบริเวณชายแดนทางเหนือของซีเรีย ภายใต้รหัส ช่อมะกอก ที่ดำเนินการมาตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา จะยังคงเดินหน้าต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
ไม่เพียงเท่านั้นผู้นำตุรกี ได้บอกต่อว่า โดยนอกเหนือจากภารกิจในเมืองอาฟรินแล้ว จะมีการขยายขอบเขตออกไปยังเมืองมาบิจ ที่อยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส และอาจไปไกลถึงอาณาเขตตามแนวชายแดนที่ติดกับอิรัก ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทุกฝ่ายว่า จะไม่มีกลุ่มก่อการร้าย หลงเหลืออยู่ในบริเวณนี้อีกต่อไป
ผู้นำตุรกียังคงประณามสหรัฐฯ อีกครั้งในการให้การสนับสนุนด้านอาวุธให้แก่กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย ที่สมาชิกส่วนใหญ่คือกองกำลังป้องกันตนเองชาวเคิร์ด ซึ่งตุรกีมองว่าพวกนี้เป็นพวกเดียวกัน กับกองกำลังของพรรคคนงานเคอร์ดิสถาน หรือ พีเคเคที่สู้รบแบบกองโจรกับกองทัพตุรกีมานานกว่า 3 ทศวรรษเพื่อแบ่งแยกดินแดนบางส่วนทางตอนใต้ของตุรกี
ในขณะที่เดียวกันสิ่งที่ทำให้ผู้นำตุรกี นั้นถึงกับไม่พอใจมากขึ้นคือการที่ทางด้านสหรัฐฯ ได้ดำเนินการจัดตั้งกองกำลังความมั่นคง ตามแนวชายแดน ที่สมาชิกส่วนใหญ่จากทั้งหมดราว 30,000 คน จะมาจากวายพีจี
ในขณะที่ตัวเลขของผู้เสียชีวิตล่าสุด จากการปฏิบัติการของกองทัพตุรกีนั้น มีรายงานว่า กลุ่มสมาชิกติดอาวุธ ถูกกองทัพตุรกีสังหารไปแล้วอย่างน้อย 343 คน ทหารตุรกีเสียชีวิตแล้ว 3 คน และมีมีสมาชิกของกองทัพปลดปล่อยซีเรีย ที่ตุรกีสนับสนุนเสียชีวิตอีก 11 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 130 คน
ขณะที่สหรัฐฯ ออกมาเตือนเป็นระยะว่า ปฏิบัติการทางทหารของตุรกีในครั้งนี้สุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการปะทะระหว่างกองทัพตุรกีกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังปฏิบัติการอยู่ในซีเรียราว 2,000 นาย ส่วนใหญ่ปักหลักอยู่ในภาคเหนือของประเทศ