ติดตามข่าวสารได้ที่ www.gninternews.com

นายโดนัลด์ ทรัมป์ เห็นว่าสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลียังตึงเครียด ถึงแม้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ได้เปิดการเจรจากันในช่วงหลังๆ นี้ จนนำไปสู่การตกลงส่งนักกีฬาร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่ฝั่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพแล้ว ผู้นำสหรัฐฯ นั้นไม่เห็นด้วยกับวิธีการของ 2 รัฐมนตรีสำคัญของเขาเอง

 

 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2561 กรณีทางด้าน ทูตรัสเซีย ประจำกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ ได้ออกมาเตือนการออกมาตรการคว่ำบาตร เกาหลีเหนือ อาจจะเป็นการตีความว่า เป็นการประกาศสงคราม

 

นายพลสหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯ ควรเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก่อนเพื่อสั่งสอน ก่อนเป็นภัยคุกคามจนควบคุมไม่ได้ของสหรัฐฯในอนาคต

 

ซึ่งที่ผ่านมานั้นทางด้านสหประชาชาติและสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการบังคับใช้การคว่ำบาตรหลายระลอกโดยมีเป้าหมายยับยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงหาทางลดการเข้าถึงน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่นของเกาหลีเหนือ

 

นายพลสหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯ ควรเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก่อนเพื่อสั่งสอน ก่อนเป็นภัยคุกคามจนควบคุมไม่ได้ของสหรัฐฯในอนาคต

 

 

อเล็กซานเดอร์ มัตเซโกรา เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงเปียงยาง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เราไม่สามารถลดการส่งมอบไปมากกว่านี้อีก  ซึ่งสหประชาชาติกำหนดโควตายอมให้จีนส่งมอบน้ำมันดิบแก่เกาหลีเหนือ 540,000 ตันต่อปี ขณะเดียวกันยังอนุญาตให้จีน, รัสเซียและประเทศอื่นๆ ส่งมอบผลิตภัณฑ์น้ำมันแก่เกาหลีเหนือได้ปีละ 60,000 ตันมันเท่ากับน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทรสำหรับประเทศที่มีประชากร 25 ล้านคน การขาดแคลนน้ำมันจะนำมาซึ่งปัญหาด้านมนุษยธรรมร้ายแรง คณะผู้แทนอย่างเป็นทางการของเกาหลีเหนือแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าการปิดกั้นดังกล่าวจะถูกตีความโดยเกาหลีเหนือว่าเป็นการประกาศสงคราม ซึ่งจะต้องเผชิญผลลัพธ์ที่จะตามมา

 

นายพลสหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯ ควรเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก่อนเพื่อสั่งสอน ก่อนเป็นภัยคุกคามจนควบคุมไม่ได้ของสหรัฐฯในอนาคต

 

ขณะที่ทางด้านอิกอร์ มอร์กูลอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ารัสเซียไม่มีภาระผูกพันที่ต้องดำเนินการคว่ำบาตรตามสหรัฐฯ ในขณะที่ทางด้านทูตรัสเซียประจำเปียงยางปฏิเสธข้อกล่าวหาจากสหรัฐฯ ว่า รัสเซีย ยอมให้เกาหลีเหนือใช้ท่าเรือของรัสเซียสำหรับขนส่งถ่านหิน ซึ่งฝ่าฝืนมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ

 

นายพลสหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯ ควรเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก่อนเพื่อสั่งสอน ก่อนเป็นภัยคุกคามจนควบคุมไม่ได้ของสหรัฐฯในอนาคต

 

 

ในขณะที่ทางด้านการแถลงนโยบายประจำปีหรือ State of the Union ต่อรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2561 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศจะเดินหน้ากดดันเกาหลีเหนือ ต่อกรณีที่ยังพัฒนาขีปนาวุธ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้มาก

 


นายโดนัลด์ ทรัมป์ เห็นว่าสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลียังตึงเครียด ถึงแม้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ได้เปิดการเจรจากันในช่วงหลังๆ นี้ จนนำไปสู่การตกลงส่งนักกีฬาร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่ฝั่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพแล้ว ผู้นำสหรัฐฯ นั้นไม่เห็นด้วยกับวิธีการของ 2 รัฐมนตรีสำคัญของเขาเอง ได้แก่ รัฐมนตรีต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน และรัฐมนตรีกลาโหมจิม แมตทิส นั่นคือการโน้มน้าวชักจูงให้คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ยอมหันมาเจรจาเพื่อยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ

 

นายพลสหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯ ควรเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก่อนเพื่อสั่งสอน ก่อนเป็นภัยคุกคามจนควบคุมไม่ได้ของสหรัฐฯในอนาคต

 

นอกจากนั้นแล้วมีรายงานข่าวเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายคนในรัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอแนวคิดที่จะเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือก่อน เพื่อเป็นการสั่งสอน และเป้าหมายเพื่อทำให้โครงการนิวเคลียร์เสียหาย โดยหวังว่าจะไม่ถึงกับเป็นการยั่วยุให้เกิดสงครามติดตามมา

 

นายพลสหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯ ควรเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก่อนเพื่อสั่งสอน ก่อนเป็นภัยคุกคามจนควบคุมไม่ได้ของสหรัฐฯในอนาคต

 

ตัวอย่างเช่นพลอากาศเอก พอล เซลวา รองประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวแสดงความมั่นใจ ว่าสหรัฐฯ สามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านอาวุธนิวเคลียร์ส่วนใหญ่ของเกาหลีเหนือได้

 

นายพลสหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯ ควรเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก่อนเพื่อสั่งสอน ก่อนเป็นภัยคุกคามจนควบคุมไม่ได้ของสหรัฐฯในอนาคต

 

แต่ก็มีบางส่วนที่ออกมาคัดค้าน โดยเฉพาะ วิกเตอร์ ชา ที่ปรึกษาอาวุโสของศูนย์กลางเพื่อยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษา เนื่องจากเห็นว่าการโจมตีและทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านอาวุธนิวเคลียร์ มันอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามนิวเคลียร์ ชาวเกาหลีใต้หลายล้านคน รวมทั้งทหารและพลเมืองสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้อีกหลายหมื่นคน จะตกอยู่ในความเสี่ยงทันทีหากเกาหลีเหนือตอบโต้กลับ

 

นายพลสหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯ ควรเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก่อนเพื่อสั่งสอน ก่อนเป็นภัยคุกคามจนควบคุมไม่ได้ของสหรัฐฯในอนาคต

 

นายพลสหรัฐฯ ชี้ สหรัฐฯ ควรเปิดฉากโจมตีเกาหลีเหนือ ก่อนเพื่อสั่งสอน ก่อนเป็นภัยคุกคามจนควบคุมไม่ได้ของสหรัฐฯในอนาคต