- 10 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.gninternews.com
ตุรกีได้ส่งเครื่องบินขับไล่ ขึ้นปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด วายพีจี ในเขตอาฟรินของซีเรีย อีกครั้ง หลังจากระงับการโจมตีทางอากาศชั่วระยะหนึ่งภายหลังเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียถูกยิงตก
กองทัพตุรกี ได้เปิดปฏิบัติการ โอลีฟ แบรนช์ หรือ ช่อมะกอก เพื่อจัดการกับกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด วายพีจี ตามแนวชายแดนซีเรีย ทางตอนเหนือ ติดกับประเทศตุรกี โดยเฉพาะในเมืองอาฟริน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2561 ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียของกำลังพลทั้งสองฝ่ายหลายร้อยคน โดยทางด้านสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนกลุ่มกองกำลังนักรบวายพีจี ได้ขอให้ทางด้านตุรกี หยุดปฏิบัติการรุนแรงทางทหารในพื้นที่เมืองอาฟริน แต่ทางตุรกียื่นขอเสนอให้สหรัฐฯ นั้นจะต้องยุติให้การสนับสนุนอาวุธ และเสบียงแก่กองกำลังดังกล่าวด้วย
การปฏิบัติการช่อมะกอก ในขณะนี้ยังไม่ได้มีกำหนดเวลาว่าจะต้องแล้วเสร็จ หรือจบสิ้นในเวลาใด แต่จะเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกในลักษณะนี้ต่อไป จนกว่าจะเคลียร์พื้นที่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มนักรบชาวเคิร์ดได้เสร็จสิ้น
กองทัพของตุรกีและกองกำลังกบฏฟรี ซีเรียน อาร์มี หรือเอฟเอสเอ ได้พบว่าทางด้านกลุ่มนักรบชาวเคิร์ด วายพีจี ได้ทำการขุดอุโมงค์ ที่มีความกว้าง เกือบ 10 เมตร และ 5-7 เมตร เอาไว้ เกือบทุกหมู่บ้านในเมืองอาฟริน โดยทั้งหมดจะเป็นอุโมงค์ที่เชื่อมต่อระหว่างกัน ใช้เป็นช่องทางหลบซ่อน ลำเลียงอาวุธเพื่อปฏิบัติการทางทหารโจมตีกองทัพตุรกี มีท่อระบายที่สร้างจากเหล็ก เพื่อใช้สำหรับระบายอากาศ
สหรัฐอเมริกาผู้สนับสนุนกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด พยายามที่จะให้ตุรกีที่เป็นประเทศมุสลิมที่มีบทบาทอย่างมากในเวทีโลกวันนี้ให้เกิดปัญหาไม่สงบ และเพื่อสร้างสงครามกองโจรให้ตุรกีอ่อนแอ อุโมงค์ต่างๆ มีการเชื่อมทะลุไปยังตุรกี เพื่อเป็นช่องทางส่งอาวุธให้กับพวกทหารของพรรคเคอร์ดิสถาน เวิร์กเกอร์ ปาร์ตี้ หรือกลุ่มชาวเคิร์ดพีเคเค ใช้ในการก่อเหตุความรุนแรงในประเทศตุรกี
ในขณะที่ทางด้าน ประธานาธิบดีเรเซป เตอร์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำของตุรกี ได้ออกมาประกาศเตือนว่า กองทัพตุรกีจะขยายขอบเขตการปฏิบัติการทางทหารข้ามพรมแดนจากเมืองชายแดนอาฟริน เข้าไปยังเมืองมานบิจ ของซีเรีย
ทางด้านสหรัฐฯ ได้แจ้งมายังตุรกีว่า อย่าได้ยกพลบุกไปยังเมืองมานบิจ เนื่องจากเมืองแห่งนี้มีกองกำลังของสหรัฐฯ กว่า 2000 นายประจำการอยู่ แต่ยืนยันว่ากองทัพตุรกีไม่เกรงกลัวต่อคำขู่ของสหรัฐฯ แต่อย่างใด ยังคงจะรุกคืบไปยังเมืองมานบิจ ตามที่ตั้งใจเอาไว้ เพื่อส่งมอบที่ดินผืนนี้คืนให้กับชาวอาหรับซึ่งเป็นเจ้าของเดิม
ผู้นำตุรกียังได้กล่าวโจมตีสหรัฐอเมริกาถึงการส่งทหารเข้าไปในเมืองมานบิจ พร้อมกับนักรบติดอาวุธชาวเคิร์ด วายพีจี กองกำลังติดอาวุธของพรรคสหภาพประชาธิปไตย หรือพีวายดี ซึ่งทางด้านตุรกีมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน หรือพีเคเค ที่ดำเนินการสู้รบอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี
นอกจากนั้นแล้วทางด้านผู้นำตุรกี ยังได้ วิจารณ์ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา และอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา กับคำโกหกของพวกเขา ที่เคยรับปากว่าจะถอนกองทหารของสหรัฐอเมริกาออกจากเมืองมานบิจอีกด้วย โดยเออร์โดกัน ได้ถามว่า
"พวกเขาเคยพูดว่าพวกเขาจะไม่อยู่ในเมืองมานบิจ แล้วทำไมถึงยังไม่ออกไปล่ะ?"
นอกจากนี้ เออร์โดกันยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าตุรกี จะเปิดตัวโครงการระดับนานาชาติต่อต้านสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนอาวุธให้แก่พรรคสหภาพประชาธิปไตย หรือ พีวายดี และพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน หรือพีเคเค อีกด้วย
ขณะที่ล่าสุดนั้น ตุรกีได้ส่งเครื่องบินขับไล่ ขึ้นปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด วายพีจี ในเขตอาฟรินของซีเรีย อีกครั้ง หลังจากระงับการโจมตีทางอากาศชั่วระยะหนึ่งภายหลังเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียถูกยิงตก
การโจมตีทางอากาศทำลาย 19 เป้าหมายรวมถึงคลังเครื่องกระสุน ที่พัก และตำแหน่งปืน
ในขณะที่ทางด้านประธานาธิบดีเรเซป เตอร์ยิป เออร์โดกัน ของตุรกีและประธานาธิบดี วลาดิเมีบร์ ปูติน ของรัสเซียคุยโทรศัพท์ และเห็นตรงกันที่จะพัฒนาการประสานงานด้านการทหารและการรักษาความปลอดภัยในซีเรีย ต่อไป
ซึ่งที่ผ่านมานั้นตุรกีไม่พอใจสหรัฐฯ อย่างยิ่งกับการที่สหรัฐฯ เข้าไปให้การสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธชาวเคิร์ด วายพีจี ซึ่งทางด้านตุรกีมองว่า กลุ่มนี้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศนั่นเอง เนื่องจาก วายพีจีและพันธมิตรจัดตั้งเขตปกครองตนเองในตอนเหนือรวมถึงอาฟรินนับตั้งแต่ความขัดแย้งซีเรียเริ่มขึ้นในปี 2011 และบั่นทอน และสอดประสานกับกลุ่มเคิร์ดพีเคเค ในประเทศตุรกี ทำการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศอย่างต่อเนื่องตลอดมา