กูตาตะวันออก เดือด ตายกว่า 260 ศพ รัสเซีย ปฏิเสธ เป็นผู้ลงมือโจมตีทางอากาศ อย่างที่สหรัฐฯ กล่าวหา (คลิป)

องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย ( เอสโอเอชอาร์ ) ได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากการสู้รบระหว่ากองทัพซีเรียกับกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ในเขตกูตาตะวันออก ซึ่งเป็นเขตยึดครองแห่งสุดท้ายของฝ่ายกบฏที่อยู่ชานกรุงดามัสกัส เพิ่มมากกว่า 250 คน

 

 

 

 

สถานการณ์ การสู้รบในประเทศซีเรีย ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นอกจากทางด้านเหนือของประเทศ ที่ทางด้านกองทัพตุรกี ได้เปิดปฏิบัติการช่อมะกอก หรือว่า โอลีฟ แบรนซ์ มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2561  ในขณะที่ความชุลมุนวุ่นวายภายในประเทศ หลังจากหลายพื้นที่สามารถที่จะขับไล่กลุ่มก่อการร้ายไอเอส ออกจากพื้นที่ได้แล้ว แต่ซีเรีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด นั้นยังคงมีปัญหาของกลุ่มกบฏ ที่คอยขัดขวางการบริหารประเทศของเขา และยังคงยึดเมืองหลายเมืองเอาไว้ในครอบครอง ดังนั้นทางด้านกองทัพซีเรีย ยังคงเดินหน้าดำเนินการ เพื่อยึดคืนพื้นที่กลับมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย ( เอสโอเอชอาร์ ) ได้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากการสู้รบระหว่ากองทัพซีเรียกับกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ในเขตกูตาตะวันออก ซึ่งเป็นเขตยึดครองแห่งสุดท้ายของฝ่ายกบฏที่อยู่ชานกรุงดามัสกัส เพิ่มมากกว่า 250 คน และจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเป็นมากกว่า 1,200 คน

 

 

 

การโจมตีเขตกูตาตะวันออกเฉพาะเมื่อวันอังคาร ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 นั้นได้สร้างความเสียหายให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่เพิ่มอีก 6 แห่ง และหมู่บ้านอีก 10 แห่งได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ความสูญเสียต่อชีวิตในเขตกูตาตะวันออกครั้งนี้ถือว่ามากที่สุด นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีในบริเวณที่ราบลุ่มกูตา ชานกรุงดามัสกัส เมื่อเดือนสิงหาคม 2556 ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตได้รับการประเมินไว้ที่ระหว่าง 200 ถึง 1,700 คน

 

ขณะที่สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการหยุดยิง เพื่อเปิดทางให้แก่เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ในการลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่ และนำผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสออกไปรับการรักษา แต่การเรียกร้องของยูเอ็นยังไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายใด

 

 

หลังจากนั้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 พื้นที่แห่งนี้ก็ยังคงมีการดำเนินการในการกวาดล้างอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเครื่องบินของรัสเซียและกองทัพซีเรียไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนข้อให้ในการโจมตีทางอากาศและยิงถล่มเขตกูตา นับตั้งแต่ยกระดับการโจมตีเมื่อคืนวันอาทิตย์ ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 และการโจมตีในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย

 

 

ขณะที่ทางด้านหน่วยงานค้นหาและกู้ชีพในซีเรีย ระบุว่า กองกทัพรัฐบาลซีเรียได้ใช้การโจมตีทางอากาศ ยิงปืนใหญ่ รวมถึงใช้ระเบิดถังน้ำมัน โดยมีรายงานผู้บาดเจ็บหลายราย มีการโจมตีเกิดขึ้นในหลายพื้นที่รอบนอกของกรุงดามัสกัส

 

 

ขณะที่ทางด้านนายเซอร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ฝั่งตะวันออกของอเลปโปคือตัวอย่างของสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขตกูตา

กองกำลังต่างๆ ที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลซีเรีย ได้มารวมกำลังกันที่เขตภายใต้การควบคุมของฝ่ายกบฏตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แถบนั้นเป็นศูนย์รวมของเมืองเล็กๆ และพื้นที่เกษตรกรรม ที่ครั้งหนึ่งเคยทำหน้าที่ป้อนผลผลิตธัญพืชและผลไม้ให้กับเมืองหลวง ก่อนที่สงครามยาวนานเกือบ 7 ปีจะเปลี่ยนให้มันกลายดินแดนที่เต็มไปด้วยความเสียหายและไร้ซึ่งความหวัง

 

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 แสนรายในสงครามซีเรีย ที่เกิดขึ้นจากการใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามผู้ประท้วงประธานาธิบดี บาซาร์ อัล อัสซาด ในปี 2556

 

 

 

ส่วนนายดมิทรี เปสคอฟ แถลงว่า กองทัพรัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายพื้นที่ฝ่ายกบฏซีเรียในเขตกูตาตะวันออกใกล้กับกรุงดามัสกัสเมืองหลวงของซีเรียในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา คร่าชีวิตพลเรือนไปอย่างน้อย 260 ศพ ที่ผ่านมานั้นเป็นการกล่าวหาที่ไร้เหตุผลโดยไม่ทราบแน่ชัดว่าได้ข้อมูลมาจากไหน ซึ่งรัสเซียไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ซึ่งการออกมาแถลงครั้งนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ ที่กล่าวสรุปว่า รัสเซียต้องเป็นผู้รับผิดชอบเหตุโจมตีทางอากาศที่เกิดขึ้นในกูตาตะวันออก นอกจากนั้นกลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ ยังตำหนิว่าเป็นฝีมือของเครื่องบินรบของกองทัพรัสเซียในการโจมตีทางอากาศดังกล่าว

 

 

รัสเซียให้การสนับสนุนทัพซีเรียของประธานาธิบดี บาซาร์ อัล อัสซาด และช่วยโจมตีเมืองอเลปโปเมื่อช่วงปลายปี 2559 เพื่อขับไล่พวกกบฏซีเรียออกจากเมือง

พลเรือนหลายหมื่นคนต้องทิ้งบ้านเพื่อหลบหนีภัยสงคราม มีจำนวนมากที่ไม่อาจกลับไปได้อีก และมีอีกหลายร้อยคนที่เสียชีวิตจากการถล่มเมืองดังกล่าว