สหรัฐฯเอาจริง!! สั่งระงับเงินช่วยเหลือกัมพูชา อ้างประชาธิปไตยเสื่อมถอย

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

วันที่ 28 ก.พ. 61 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทำเนียบขาวได้มีการออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่าจะมีการระงับเงินช่วยเหลือแก่โครงการสนับสนุนสำนักงานสรรพากร รัฐบาลท้องถิ่น และกองทัพกัมพูชา มูลค่ากว่า 8.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 259.79 ล้านบาท) เนื่องจากรัฐบาลกัมพูชาสร้างความเสื่อมถอยทางประชาธิปไตย ทำให้ทางรัฐบาลสหรัฐฯเกิดความกังวลอย่างหนัก

 

สหรัฐฯเอาจริง!! สั่งระงับเงินช่วยเหลือกัมพูชา อ้างประชาธิปไตยเสื่อมถอย

ทั้งนี้ การออกแถลงการณ์ระงับเงินช่วยเหลือกัมพูชา สืบเนื่องมาจากผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยผู้สมัครจากพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ภายใต้การนำของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ได้รับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาในทั้ง 58 ที่นั่งในการชิงชัย ซึ่งพรรคการเมืองนี้เป็นพรรคขนาดใหญ่เพียงพรรคเดียวที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะสมเด็จฮุน เซน ได้มีการยื่นคำร้องศาลฎีกาสั่งยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ซึ่งเป็นแกนนำหลักของพรรคฝ่ายค้านในกัมพูชาเมื่อเดือน พ.ย. ของปีที่ผ่านมา หลังการจับกุมนายเกิม สุขา หัวหน้าพรรคถูกจับกุม ตามข้อกล่าวหาเป็นกบฏ 

 

สหรัฐฯเอาจริง!! สั่งระงับเงินช่วยเหลือกัมพูชา อ้างประชาธิปไตยเสื่อมถอย

 

ด้านนางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงทำเนียบขาว เผยว่า ตลอด 25 ปีที่ผ่านมาทางสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือหลายรูปแบบให้แก่กัมพูชามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31,300 ล้านบาท) แต่ในช่วงหลังรัฐบาลกัมพูชากลับนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการต่อต้านประชาธิปไตย

ขณะที่ทางด้านรัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้มีการออกมาแสดงท่าทีใดๆต่อเรื่องดังกล่าวนี้ แต่ศาลแขวงกรุงพนมเปญได้มีคำพิพากษารับคำร้องของสมเด็จฮุน เซน และสมเด็จเฮง สัมริน ประธานสภาแห่งชาติ ให้ยึดอาคารที่เป็นสถานที่ตั้งของพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) และทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายในอาคารเป็นการชั่วคราว ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาระบุว่า ทางฝ่านค้านสามารถเพิกถอนได้ หากนายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านและคู่ปรับทางการเมืองของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ มีการชำระเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31.3 ล้านบาท) เป็นค่ายอมความในคดีหมิ่นประมาทผู้นำกัมพูชา

 

สหรัฐฯเอาจริง!! สั่งระงับเงินช่วยเหลือกัมพูชา อ้างประชาธิปไตยเสื่อมถอย

 

ทั้งนี้ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้มีการประกาศระงับการออกวีซ่าให้แก่ชาวกัมพูชาที่มีพฤติกรรมบ่อนทำลายประชาธิปไตย ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) ได้สั่งระงับการให้เงินทุนช่วยเหลือในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาที่จะมีการจัดขึ้นในปี 2561