ไม่สนคนประณาม!! สหรัฐฯ บีบจีนจุดสงครามการค้า

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งให้มีการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม 25% และ 10% ตามลำดับเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยจะมีผลในอีกไม่กี่วันนี้แล้วนั้น (ภายใน 15 วันหลังลงนาม) แม้จะมีการยกเว้นให้ 2 ประเทศคือ แคนาดาและเม็กซิโก และเปิดโอกาสให้ประเทศอื่นๆ เข้าเจรจาทวิภาคีกับสหรัฐฯเป็นรายๆไปเพื่อขอรับการยกเว้น แต่ก็เชื่อว่ามี 1 ประเทศเป้าหมายที่ยากจะหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯในครั้งนี้ นั่นก็คือ จีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่สหรัฐฯขาดดุลการค้าอยู่ถึง 375,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 12 ล้านล้านบาท

สหรัฐฯขาดดุลการค้าให้กับจีนเพิ่มขึ้นจาก 347,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2559 เป็น 375,200 ล้านดอลลาร์ในปี 2560 เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้นำสหรัฐฯจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการสกัดกั้นสินค้าจีนตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ในการหาเสียงก่อนที่เขาจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีว่า จะทำทุกวิถีทางที่จะลดการขาดดุลการค้าให้กับสหรัฐอเมริกา จีนมีแนวโน้มถูกกดดันมากยิ่งขึ้น โดยในสัปดาห์นี้ทำเนียบขาวมีกำหนดประกาศมาตรการการค้าที่จะนำมาใช้กับจีนเป็นการเฉพาะ ซึ่งหนึ่งในมาตรการหลักคือการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน คิดเป็นมูลค่ารวมราวๆ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งเป้าไปที่สินค้าด้านเทคโนโลยี การสื่อสารโทรคม นาคม และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับทรัพย์สินทางปัญญา แต่สินค้าทั่วไปอื่นๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ และรองเท้ากีฬา ก็อยู่ในข่ายถูกเก็บภาษีเพิ่มด้วย เป็นที่คาดหมายว่าจำนวนสินค้าที่ตกเป็นเป้าการขึ้นภาษีนั้นจะมีจำนวนหลายพันรายการ

นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า จะลดการขาดดุลการค้าด้วยการบังคับใช้กฏเกณฑ์การค้าที่เข้มงวดมากขึ้น เจรจารื้อฟื้น-ทบทวนข้อตกลงการค้าเดิมๆ ที่มีอยู่ และสร้างข้อตกลงการค้าใหม่ที่สหรัฐฯไม่เสียเปรียบอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีหลายภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯเองออกมาคัดค้าน เพราะเกรงว่าการเปิดศึกการค้ากับจีนจะส่งผลเลวร้ายกับอุตสาหกรรมภายในประเทศและแรงงานสหรัฐฯเอง โดย 45 สมาคมการค้าและอุตสาหกรรมของสหรัฐฯได้ทำหนังสือยื่นต่อทำเนียบขาวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คัดค้านการขึ้นภาษีเพราะจะทำให้ราคาสินค้าขยับสูงขึ้น และหากจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จำกัดปริมาณการนำเข้า หรือใช้กฎเกณฑ์บีบบริษัทอเมริกันในจีน ก็อาจทำให้หลายบริษัทต้องปลดคนงานและไม่เป็นผลดีต่อตลาดการเงินอย่างแน่นอน ข้อมูลกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯชี้ว่า ธุรกิจส่งออกสินค้าและบริการไปยังจีน ก่อให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 900,000 ตำแหน่งในสหรัฐฯ (ข้อมูลปี 2558)

ส่วนอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบแรงที่สุดหากจีนขึ้นภาษีตอบโต้ คือภาคการเกษตรของสหรัฐฯเอง เพราะมียอดการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังตลาดจีนโดยรวมถึง 21,000 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยอุตสาหกรรมอากาศยาน (ยอดการส่งออกสินค้าไปจีน 15,000 ล้านดอลลาร์) อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลไฟฟ้า (12,000 ล้านดอลลาร์) อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล (11,000 ล้านดอลลาร์) และอุตสาหกรรมยานยนต์ (11,000 ล้านดอลลาร์)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,351 วันที่ 25 - 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

 

ขอบคุณที่มา ฐานเศรษฐกิจ