ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th



สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความจัดเต็มกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนในเมืองดูมา ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งสุดท้ายในเขตกูตาตะวันออก



ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ คาดสหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโหดเอาคืนให้กลุ่มกบฏ โดยการยืมมืออิสราเอล

ความเคลื่อนไหวการรุกรบในประเทศซีเรีย ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ทางด้านสำนักข่าวซานาของซีเรียรายงานว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสกัดขีปนาวุธอย่างน้อย 8 ลูก ซึ่งมีทิศทางพุ่งเป้าโจมตีฐานทัพอากาศ ทีโฟร์ ใกล้กับเมืองฮอมส์ และอยู่ไม่ห่างจากเมืองโบราณพัลไมรา บริเวณภาคกลางฝั่งตะวันตกของประเทศ  ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา  แม้ว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศจะสามารถสกัดขีปนาวุธได้ถึง 8 ลูก แต่ในเวลาเดียวกันยังมีขีปนาวุธอีกหลายลูกสามารถสามารถโจมตีและสร้างความเสียหายให้กับฐานทัพและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งพร้อมทั้งสันนิษฐานว่าสหรัฐฯ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง

 

 

ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ คาดสหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโหดเอาคืนให้กลุ่มกบฏ โดยการยืมมืออิสราเอล

 

ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความจัดเต็มกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนในเมืองดูมา ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งสุดท้ายในเขตกูตาตะวันออก ชานกรุงดามัสกัส ซึ่งยังอยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏ จนมีผู้เสียชีวิตประมาณ 40 คน และเมื่อรวมกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเมืองดูมาซึ่งทวีความรุนแรงตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ที่อย่างน้อย 80 คน และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 500 คน

 

ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ คาดสหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโหดเอาคืนให้กลุ่มกบฏ โดยการยืมมืออิสราเอล

 


ขณะที่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เนื่องจากทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำฝรั่งเศสถึงจุดยืนในการดำเนินการตามมาตรการต่อซีเรีย แบบรุนแรงซึ่งรวมถึงมาตรการทางทหาร

 

ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ คาดสหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโหดเอาคืนให้กลุ่มกบฏ โดยการยืมมืออิสราเอล

 

แต่ทางด้านกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ภายในเวลาอันรวดเร็ว ปฏิเสธอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางอากาศต่อฐานทัพทีโพร์และสนามบินเทย์ฟูร์ ในเมืองฮอมส์

สำหรับสถานการณ์ที่ฐานทัพและสนามบินทหารในเมืองฮอมส์ เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่กองทัพซีเรียซึ่งได้รับความสนับสนุนจากรัสเซียและอิหร่าน สามารถยึดพื้นที่ในเขตกูตาตะวันออกกลับคืนจากกองกำลังฝ่ายต่อต้านได้แล้วมากกว่า 95% นับตั้งแต่เปิดฉากปฏิบัติการกระชับพื้นที่เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา การสู้รบที่หนักหน่วงและรุนแรงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,800 คน แต่เขตกูตาตะวันออกเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคกูตาซึ่งเคยถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีมาแล้ว เมื่อปี 2556 มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 280 ถึง 1,700 คน

 

ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ คาดสหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโหดเอาคืนให้กลุ่มกบฏ โดยการยืมมืออิสราเอล

 

นอกจากนั้นแล้วก่อนหน้านี้ทางด้าน นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2561 ว่า มาตรการหยุดยิงที่เริ่มบังคับใช้ก่อนนั้นล้มเหลว ซึ่งทางด้านสหรัฐฯ จึงได้ดำเนินการเสนอร่างมติใหม่ที่กำหนดให้มีการหยุดยิง 30 วันทั้งในเขตอิทธิพลของกบฏซีเรียและกรุงดามัสกัส

 

ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ คาดสหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโหดเอาคืนให้กลุ่มกบฏ โดยการยืมมืออิสราเอล

 

 

นางนิกกี เฮลีย์  ยังได้สำทับว่าที่ผ่านมานั้นไม่มีการหยุดยิง โดยทางด้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด อิหร่าน และรัสเซียยังคงทำสงครามกวาดล้างศัตรูทางการเมืองของพวกเขาอยู่ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทาง นางนิกกี เฮลีย์ ยังเชื่อมโยง ถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่า หากว่า วันนี้ทางด้านกองทัพซีเรีย ยังจะใช้แก๊สพิษ เพื่อจัดการกับกลุ่มกบฏ ทางสหรัฐฯ อาจจะต้องกระทำบางอย่างเพื่อยุติ การกระทำนั้น

 

ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ คาดสหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโหดเอาคืนให้กลุ่มกบฏ โดยการยืมมืออิสราเอล

 

โดยเธอสำทับว่าแท้ที่จริงแล้ว การตอบโต้ไม่ใช่สิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการ แต่จำเป็นต้องดำเนินการ หากว่าประชาคมโลกล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา และสหรัฐฯ ก็พร้อมจะตัดสินใจด้วยตัวเองทันที

ในขณะที่กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ได้คาดการณ์ว่าเกิดการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากปฏิบัติการของกองทัพอิสราเอล โดยการประสานกับทางด้านกองทัพสหรัฐฯ เพื่อจัดการกับกองทัพซีเรีย ซึ่งมีปัญหากับอิสราเอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

 

ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ คาดสหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโหดเอาคืนให้กลุ่มกบฏ โดยการยืมมืออิสราเอล

 

ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันจันทร์ ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าสอดคล้องกับคำพูดของทางด้านนางนิกกี เฮลีย์   ได้พูดเอาไว้ทุกประการ ดังนั้นสิ่งทีสหรัฐฯ ออกมาปฏิเสธ จึงอาจจะฟังไม่ขึ้น เพราะที่ผ่านมาผู้ที่สนับสนุนกลุ่มกบฏหลัก ก็คือ สหรัฐฯ นั่นเอง แต่จะปฏิบัติการเอง หรือว่ายืมมือใครปฏิบัติก็ไม่ต่างกัน เพราะทั้งหมดคือพวกเดียวกัน

 

 

ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ คาดสหรัฐฯ ผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการโหดเอาคืนให้กลุ่มกบฏ โดยการยืมมืออิสราเอล