*แฟนคลับใจหายใจคว่ำ!!! เมื่อดารารุ่นใหญ่ “แม่แอ๊ด โฉมฉาย” ลั่นออกสื่อ เคยไม่รับงาน เพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงใคร!!! (ชมคลิป)

 

          หลังจากนักแสดงอาวุโส อย่าง “แม่แอ๊ด โฉมฉาย  ฉัตรวิไล” เคยได้ออกมาประกาศผ่านสื่อว่าขออำลาวงการบันเทิง ไม่รับเล่นละครอีกต่อไป  เหตุเพราะอายุมากขึ้นจำบทไม่ค่อยได้  ทำให้รู้สึกละอายใจทำงานได้ไม่เต็มที่ และช่วงที่หายหน้า ไป ก็ไปรักษาฟื้นฟูร่างกายและความจำ นานถึง 1 ปี โชคดีสมองไม่เสื่อม แค่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงที่สมองน้อยลง กินยาจีนช่วยให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น ต้องใช้วิธีท่องบทเพราะจำไม่ได้เหมือนเดิม  ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่า

          “หลังจากที่ฟื้นฟูร่างกายตัวเองไปพอสมควร แล้วก็รู้ตัวเอง ไม่เชิงว่าเหงานะ แต่เราทำงานมาตั้งแต่ 6 ขวบแล้ว ประกอบทางนี้คอยติดต่อกับแม่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นละครยาว ละครเวที แต่แม่ก็บอกว่าขอก่อนๆ จนมาถึงเรื่องนี้ เขาก็คุยกับแม่เลยว่าลงไหวมั้ย เราก็บอกว่าได้ แต่อย่าให้แม่พูดทีละ 3 - 4 หน้านะ คือแม่เล่นได้ แต่ความจำมันไม่เหมือนเมื่อก่อน แม่ก็ฟื้นฟูโดยการไปหาหมอจีน เขาก็จะบอกว่าอะไรในร่างกายเราเสื่อมไปบ้าง สมองเราไม่เสื่อมหรอก แต่การสูบฉีดของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองมันน้อยลง มันช้าลง แต่พอกินยาเข้าไปมันก็สูบฉีด ช่วง 1 ปีที่หายไปไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากออกกำลังกายแล้วก็พักผ่อน ไปใช้ชีวิต ถามว่าอยู่ได้มั้ย อยู่ได้ แต่พอทางนี้ติดต่อไป มันเป็นความรู้สึกที่แบบว่าเรารักที่นี่ เราทำงานให้ที่นี่หลายอย่าง เล่นละครให้เอ็กแซ็กท์ตั้งแต่เขาเพิ่งเปิดใหม่ๆ จนสุดท้ายเลยคือบ้านนี้มีรัก ซึ่งอยู่กัน 13 - 14 ปี แล้วก็หยุดเลย พอเขาจะให้แม่ลงซิตคอมอีกแม่ก็บอกเลยว่าอย่าให้อ่านบทเยอะนะ เพราะที่นี่เคี่ยว และเช้าขึ้นมาบทถึงจะมาวาง ไม่ได้มีการอ่านบทก่อน เขาให้แม่เป็นคนหูหนวก ใส่หูฟังเพื่อความสมจริงด้วย มันก็สนุกสนานดีไม่ได้กังวลอะไรมากมายเพราะเราเป็นสายเลือดศิลปินอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีความขยันมากขึ้น ละครยาวตอนนี้เริ่มใจอ่อนแล้ว เพราะทุกคนอยากให้แม่เล่น ตอนนี้ละครยาวที่รับไว้มีทั้งหมด 4 เรื่อง”

 

 

         “ทุกคนที่ติดต่อมาแม่ก็จะบอกว่าแม่ไม่รับแล้วนะ เพราะไม่อยากไปเป็นตัวถ่วงใคร แต่ทุกคนก็จะมีเหตุผลว่าที่ให้เราเล่นเพราะอย่างโน้นอย่างนี้ ช่วยเล่นให้หน่อย ส่วนเรื่องบทไม่ต้องห่วง อย่างเรื่องที่แม่ต้องเล่นเป็นตัวนางละคร ที่ทั้งร้องทั้งรำมาตั้งแต่สาวจนแก่ เราก็มาปรึกษากับลูก ลูกก็บอกเอาเถอะ บอกตามตรงว่าเรื่องเงินเรื่องทองไม่ได้เป็นห่วงเลย เราห่วงสุขภาพเรามากกว่า แต่ถ้าเราไม่เล่นแล้วเขาจะเอาใครเล่น เราก็โอเคๆ เล่นๆ แต่อย่าในพูดบทเยอะๆ นะ ความสามารถในจากจำบทตอนนี้มันก็จำได้แหละแต่มันต้องท่อง คือเมื่อก่อนแม่ไม่ต้องท่อง เอาบทมาอ่านแล้วเล่นได้เลย แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าเหมือนเด็กนักเรียนที่ต้องเข้าสอบ ต้องดูแล้วก็เมมเอาไว้ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องแปลกสำหรับแม่ไง เลยไม่อยากไปเป็นตัวถ่วงใคร ซึ่งคนเขาก็บอกว่าแม่ไม่ต้องห่วงหรอก เด็กสมัยนี้บางคน 9-10 เทก”

 

 

 

          “ลูกสาวแม่เขารู้จักแม่ดีว่าแม่อยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่เด็ก แล้วแม่ก็จะมีความสุขสนุกสนานกับการที่แม่ไปกอง ไม่เหนื่อย ไม่เคยบ่น มันคือชีวิตของเรา ได้ทำในสิ่งที่เรารัก แต่ ณ วันหนึ่งถ้าเราไม่ไหวจริงๆ เราก็จะต้องยอมรับ อย่าไปฝืนตัวเอง แต่ถามตัวเองตอนนั้นว่างอยู่บ้านมาเป็นปีมันก็อยากเล่นนะ มันได้หยุด ได้ไปเที่ยว ทำอะไรหมดแล้วทุกอย่างครบหมดแล้ว สมัยก่อนอยู่บ้านเต็มที่อาทิตย์ละ 2 วัน ก็เบื่อแล้ว ถ้าถามว่าตอนนี้ถ้าต้องอยู่จริงๆ แม่ก็อยู่ได้นะ ต้องทำให้อยู่ได้ เราสอนตัวเองบอกตัวเองตลอดถ้าไปอยู่ในสถานการณ์คับขันต้องไม่มัวแต่กรีดร้อง ต้องยอมรับให้ได้ ต้องอยู่ให้รอด แต่ถ้าถามว่ากลัวมั้ยก็คิดเหมือนกันนะ ถึงได้พยายามไปเที่ยวไปช้อปปิ้ง ก็คงจะรับงานแสดงตราบใดที่มันยังแข็งแรงอยู่ เท่าที่เป็น ณ เวลานี้ก็โอเค ตอนนี้ก็ยังขับรถเองอยู่นะ ชอบขับรถเพราะ หู ตา สมอง จะได้ใช้ตลอด ถ้าเรายิ่งไปนั่งว่างเป็นคุณนายสมองมันก็จะไม่สั่งงาน”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ : chomchaichatvilai