- 14 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เรือรบรัสเซียได้ออกไปจากฐานทัพเรือทาร์ทุส ในซีเรีย ซึ่งวลาดิมีร์ ชามานอฟ ประธานคณะกรรมาธิการด้านกลาโหมรัสเซีย กล่าวให้ความเห็นว่ากองเรือรบได้เคลื่อนตัวออกจากฐานเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติที่ปกติในการที่มีภัยคุกคามเกิดขึ้น
วันที่ 14 เมษายน 2561 ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ ร่วมกับกองทัพพันธมิตรฝรั่งเศส และอังกฤษ เปิดปฏิบัติการทางทหารถล่มเป้าหมายรัฐบาลซีเรียแล้ว โดยมีรายงานว่าเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วใกล้กับกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ซึ่งทางด้านผู้นำสหรัฐฯ แถลงข่าวที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่าปฏิบัติการทางทหารร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส เริ่มขึ้นแล้ว
“เป้าหมายการโจมตีของเรา คือ แสนยานุภาพทางเคมีของกองทัพซีเรีย เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานการป้องปราม ต่อการผลิต และแพร่หลายการใช้อาวุธเคมี ซึ่งถือเป็นการกระทำของอสูรกาย มิใช่มนุษย์”
ขณะที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติการโจมตีทางทหาร และยืนยันว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำซีเรีย
ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งดังกล่าวไม่กี่ชั่วโมงหลังการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เพิ่งกล่าวด้วยถ้อยคำวิตกถึงการเผชิญหน้าระหว่างชาติมหาอำนาจ ว่าเป็นภัยคุกคามที่น่าวิตกมากที่สุด พร้อมเตือนว่าความโกลาหลนี้จะเป็นภัยต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก
ขณะที่ทางด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานความเคลื่อนไหวของรัสเซียในซีเรีย พบว่าเรือรบรัสเซียได้ออกไปจากฐานทัพเรือทาร์ทุส ในซีเรีย ซึ่งวลาดิมีร์ ชามานอฟ ประธานคณะกรรมาธิการด้านกลาโหมรัสเซีย กล่าวให้ความเห็นว่ากองเรือรบได้เคลื่อนตัวออกจากฐานเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติที่ปกติในการที่มีภัยคุกคามเกิดขึ้น
ขณะที่ทางด้านนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษ สั่งส่งเรือดำน้ำไปประจำการในระยะหวังผลเพื่อเตรียมพร้อมโจมตีซีเรียด้วยขีปนาวุธแล้ว โดยผู้นำอังกฤษพร้อมไฟเขียวให้อังกฤษเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียร่วมกับสหรัฐฯ และฝรั่งเศสแล้ว