พ่อขอตามบินทุกเที่ยว ไม่ให้ลูกต้องเหงาระหว่างทำงาน หลังแอร์โฮสเตสสาว ติดงานช่วงคริสต์มาส

ต้องบอกเลยว่าช่วงวันนคริสต์มาสนับได้ว่าเป็นโอกาสแสนพิเศษอย่างยิ่งสำหรับผู้คนในหลายประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นเทศกาลแห่งการแบ่งปันความสุข และนับเป็นช่วงเวลาที่คนในครอบครัวจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ที่จะร่วมฉลองไปด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศแสนอบอุ่น แแต่ได้มีคุณพ่อท่านหนึ่ง ต้องผิดหวังเล็กน้อย เมื่อทราบว่าลูกสาวสุดที่รักไม่อาจกลับมาหาเขาในช่วงคริสต์มาสได้ เนื่องจากเธอทำงานเป็นแอร์โฮสเตส และมีตารางบินแน่นตลอดวันที่ 24-25 ธันวาคม

 

โดยเรื่องราวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 ทางเว็บไซต์เมโทร เผยว่า ลูกสาวของ"ฮัล วอห์น" ก็คือ "เพียร์ซ วอห์น" แอร์โฮสเตสสาวประจำสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส ด้วยความที่เป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาส เธอจึงมีเที่ยวบินเดินทางจากรัฐฟลอริดา ไปยังเมืองดีทรอยต์ ในรัฐมิชิแกน จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังรัฐแมสซาชูเซตส์ "ฮัล วอห์น" เขาจึงเลือกขอจองตั๋วเครื่องบินในทุกเที่ยวบินที่ลูกสาวทำงาน ขอติดตามลูกสาวสุดที่รักไปด้วยในฐานะผู้โดยสาร ลูกจะทำงานก็ทำไป ส่วนพ่อคนนี้จะเฝ้ามองดูด้วยความอบอุ่นใจ และคอยส่งยิ้มให้เอง 

 

 

สำหรับเรื่องราวสุดน่ารักและน่าประทับใจนี้ถูกนำมาเปิดเผยโดย "ไมค์ เลวี่" ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฮัลในเที่ยวบินที่เดินทางไปยังเมืองดีทรอยต์ ซึ่งได้โพสต์รูปการพบพานที่น่าประทับใจ ผ่านทางเฟซบุ๊กของเขาในวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา 

 

 

โดย "ไมค์ เลวี่" เขาได้โพสต์ข้อความและรูปพร้อมระบุว่า "ผมมีความยินดีที่ได้นั่งข้าง ๆ ฮัล ในเที่ยวบินที่ผมใช้เดินทางกลับบ้าน ลูกสาวของเขา เพียร์ซ เป็นแอร์โฮสเตสของเรา เธอต้องทำงานตลอดช่วงคริสต์มาส ฮัลตัดสินใจจะอยู่กับลูกสาวในช่วงเทศกาล เขาเลยบินไปกับเธอในทุกเที่ยวบินของเธอ ทั้งวันนี้ พรุ่งนี้ เดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อให้ได้อยู่กับเธอในช่วงคริสต์มาส ช่างเป็นพ่อที่วิเศษอะไรเช่นนี้ ผมขออวยพรพวกคุณทั้งคู่ สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ"

 

 

และในวันต่อมา เพียร์ซก็ได้แชร์โพสต์ดังกล่าว เพื่อส่งข่าวไปบอกแม่ของเธอให้รู้ว่าพ่อสบายดี และที่พิเศษก็คือเขายังได้รับการเลื่อนสถานะให้อยู่ในชั้นเฟิร์สคลาสในบางเที่ยวบินด้วย มันเป็นการเดินทางครั้งแรกของพ่อที่ใช้สิทธิครอบครัวของเจ้าหน้าที่สายการบิน ซึ่งเธอยังได้ส่งคำขอบคุณไปยังไมค์ และถึงเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ของสายการบินด้วยเช่นกัน 

 

 

ขอบคุณ :  เฟซบุ๊ก Pierce T. Vaughan, เฟซบุ๊ก Mike Levy