หนุ่มฮึดสู้ฉลามมือเปล่า กระโดดพุ่งเข้าต่อยไม่คิดชีวิต ช่วยภรรยาหลังถูกมันจู่โจม

กลายเป็นเรื่องราวสุดระทึกที่ชาวเน็ตสนใจอย่างมาก เมื่อ เว็บไซต์บีบีซี ของออสเตรเลีย รายงานว่า มาร์ก แรปลีย์ และภรรยาสาว แชนเทล ดอยล์ พากันไปเล่นเซิร์ฟบอร์ด ที่ชาดทะเลพอร์ตแมคควอรี บริเวณหาดเชลลีบิช ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ กระทั่งเวลาประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุไม่คาดฝัน ดอยล์ ถูกฉลามจู่โจมเข้าทำร้าย ทาง แรปลีย์ ผู้เป็นสามี ไม่รอช้า รีบกระโดดจากกระดานโต้คลื่นลงไปสู้กับฉลามด้วยมือเปล่า

กลายเป็นเรื่องราวสุดระทึกที่ชาวเน็ตสนใจอย่างมาก เมื่อ เว็บไซต์บีบีซี ของออสเตรเลีย รายงานว่า มาร์ก แรปลีย์ และภรรยาสาว แชนเทล ดอยล์ พากันไปเล่นเซิร์ฟบอร์ด ที่ชาดทะเลพอร์ตแมคควอรี บริเวณหาดเชลลีบิช ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ กระทั่งเวลาประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุไม่คาดฝัน ดอยล์ ถูกฉลามจู่โจมเข้าทำร้าย ทาง แรปลีย์ ผู้เป็นสามี ไม่รอช้า รีบกระโดดจากกระดานโต้คลื่นลงไปสู้กับฉลามด้วยมือเปล่า

ตามรายงานเผยว่า แรปลีย์ ปล่อยหมัดต่อยรัว ๆ เข้าที่บริเวณหัวของฉลาม เขาสู้กับมันอย่างไม่คิดชีวิต จนในที่สุดมันยอมปล่อยฟันออก ทำให้เขาสามารถช่วยภรรยาสาวออกมาได้สำเร็จ ก่อนจะพากันขึ้นฝั่งมาขอความช่วยเหลือ


โดยดอยล์ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการถูกกัดกระชากที่บริเวณขาขวา ทางเจ้าหน้าที่ชายฝั่งและผู้สังเกตการณ์เข้าช่วยปฐมพยาบาล ก่อนที่หน่วยฉุกเฉินจะมาถึงและพาตัวส่งโรงพยาบาล ได้รับการรักษาบาดแผลแล้ว ขณะนี้อาการคงตัว
 

หนุ่มฮึดสู้ฉลามมือเปล่า กระโดดพุ่งเข้าต่อยไม่คิดชีวิต ช่วยภรรยาหลังถูกมันจู่โจม

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ด้าน สตีเฟน เพียร์ซ ผู้บริหารกลุ่ม Surf Life Saving บริการช่วยเหลือด้านการโต้คลื่นและความปลอดภัยทางน้ำ ในนิวเซาท์เวลส์ เผยว่า เหยื่อสาวน่าจะถูกโจมตีโดยฉลามขาวรุ่นเล็ก ที่อาจจะมีขนาดราว 3 เมตร พร้อมทั้งขอชื่นชมในวีรกรรมความกล้าหาญของแรปลีย์ ที่มีสติและตัดสินใจเข้าช่วยภรรยาอย่างรวดเร็ว


เช่นเดียวกับทางด้าน แอนดรูว์ เบฟเวอร์ลีย์ จากหน่วยฉุกเฉินของนิวเซาท์เวลส์ กล่าวชื่นชมความกล้าหาญแรปลีย์ รวมถึงผู้คนบนชายหาดที่ช่วยกันปฐมพยาบาลได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมทั้งชี้ว่า ครั้งนี้นับเป็นการโจมตีของฉลามที่ร้ายแรงครั้งที่ 3 บนชายฝั่งทะเลดังกล่าว ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

 

หนุ่มฮึดสู้ฉลามมือเปล่า กระโดดพุ่งเข้าต่อยไม่คิดชีวิต ช่วยภรรยาหลังถูกมันจู่โจม

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล


ขอบคุณข้อมูลจาก BBC และ News.com.au