"วิลาศ" กระซวกซ้ำ !!! "สุขุมพันธุ์" จี้นายกฯ ใช้ ม.44 ปลดจากเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.- ไม่หน่ำใจเร่งตรวจสอบอีกหลายโครงการ ส่อทุจริตฮื้อ !!!

"วิลาศ" แนะนายกฯ ใช้ ม.44 ย้ายผู้ว่าฯ กทม. หลัง พบทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างไฟ จี้ สตง.เอาผิด 2 รองผู้ว่าฯ

4 พ.ค.นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ อดีตประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนฯ แถลงถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ชี้มูลการจัดซื้อจัดจ้างไฟกทม. ราคา 39.5 ล้านบาท พร้อมส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลต่อไปว่า ข้อมูลผลการตรวจสอบของ สตง.ตรงกับหลักฐานที่ตนให้ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงดำเนินการเอาผิดกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพียงคนเดียว ทั้งที่ รองผู้ว่าฯ กทม.ทั้ง 2 คน คือ นายอมร กิจเชวงกุล ซึ่งเป็นผู้ลงนามเสนอโครงการ และ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ซึ่งเป็นผู้ลงนามอนุมัติงบประมาณ ต้องมีความผิดด้วย โดยไม่ควรอ้างว่าดำเนินการตามคำสั่งของผู้ว่าฯ กทม. โดยตนจะไปยื่นหนังสือให้ สตง. ตรวจสอบเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้อยากให้ สตง.เสนอให้กระทรวงมหาดไทยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยไม่ควรให้ กทม.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนกันเอง

 

 

 

 

“อยากให้ สตง.เร่งตรวจสอบการทำงานของรองผู้ว่าฯ กทม. 3 คน ที่เคยยื่นร้องเรียนการทุจริตไว้ทั้งการติดตั้งกล้องซีซีทีวี การจัดซื้อเปียโน การจัดซื้อเครื่องจักรที่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ และการหาประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายใน กทม. โดยทุกเรื่องมีหลักฐานชัดเจนส่งมอบให้ สตง.ไปแล้ว ขณะเดียวกัน อยากให้ สตง.ตรวจสอบบริษัทคิว ลีโอ ทัวร์ แอนด์ ทราเวล จำกัด ซึ่งคนใน กทม.รู้จักดีในชื่อของทัวร์ก้อย และชนะการประกวดราคา ได้รับงานของ กทม.ในทุกงาน แม้บางงานจะไม่เกี่ยวข้องกับงานทัวร์ แต่ก็มีการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการประมูลงาน เพื่อให้ได้รับงานนั้น ๆ โดยเสนอราคาที่ต่ำกว่าราคาเพียงเล็กน้อย ซึ่งเชื่อว่าเจ้าของบริษัทน่าจะมีการฮั้วกันกับผู้บริหาร กทม.จึงอยากให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าไปตรวจสอบ” นายวิลาศ กล่าว

 นายวิลาศ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อยากให้ ป.ป.ช.เร่งดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด และ สตง.ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาเพื่อเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษความสงบแห่งชาติ(ตสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการปลด หรือ ย้ายผู้ว่าฯ กทม.และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตทั้งหมดออกจากตำแหน่ง เพราะการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นได้รับการร้องเรียนจากประชาชน หากนายกฯให้ความสำคัญกับเรื่องทุจริตอย่างที่ประกาศไว้ ก็ควรต้องเร่งใช้มาตรา 44 กับผู้บริหาร กทม.ทั้งหมด ถ้าปล่อยไว้ก็จะยังคงมีการทุจริตในอีกหลายๆ เรื่องตามมา อาทิ การจัดซื้อเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เครื่องละ 9 แสนบาท ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง และรถขัดพื้นคันละ 6 ล้านบาท ที่ซื้อไปแล้ว 20 คัน แต่ยังจอดเก็บไว้ไม่นำออกมาใช้งาน ซึ่งกำลังจะซื้ออีก 30 คัน ส่งไปยังสำนักงานเขตแต่ละเขต