ทุนกินเมือง...เซเว่นเปิดขายอาหารปิ่นโต

จุดกระแสความสนใจให้กับสังคมได้ไม่น้อย เมื่อบริษัท ซีพี ออลล์ ได้เปิดให้บริการกับข้าว ปิ่นโต โดยสินค้า 3 เมนูให้เลือกโดยในขณะนี้เริ่มต้นทดลองที่  7-11 สามสาขา คือ สุขุมวิท 33, กล้วยน้ำไท และหมู่บ้านชลลดา

และถึงแม้จะได้รับการตอบรับค่อนข้างดีจากฐานลูกค้า แต่ทว่าหลายฝ่ายก็มองว่า การรุกตลาดอาหารตามสั่งของซีพี ออล์ในครั้งนี้ เป็นการแย่งพื้นที่การทำมาหากินของพ่อค้า แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งโดยตรง

ล่าสุดได้มีรูปเผยแพร่ในสื่อโซเชี่ยลมีเดียที่สร้างความฮือฮาอยู่ในขณะนี้ เมื่อ 7-11  ได้ทดลองบริการใหม่ “กับข้าว ปิ่นโต” โดยสินค้า 3 เมนูให้เลือก ประกอบด้วย กระเพราหมู, ปลาผัดพริก และหมูกระเทียม ราคากับข้าว 2 อย่าง 55 บาท  ในขณะนี้เริ่มต้นทดลองที่  7-11 สามสาขา คือ สุขุมวิท 33, กล้วยน้ำไท และหมู่บ้านชลลดา

โดยพนักงานขายจะมีการเวฟร้อนให้ลูกค้าแล้วนำกระดาษมาห่อถ้วยพลาสติกที่บรรจุข้าวและกับข้าวให้สามารถหิ้วเป็นปิ่นโตเพื่อถือได้สะดวกยิ่งขึ้น และบางสาขายังมีโมเดล ฟู้ด เพลซ ซึ่งมีอาหารปรุงสด อาหารตามสั่ง อาทิ ไข่กระทะ โจ๊กหมู ยำแหนมสด รวมทั้ง ปีกไก่ทอด

ขณะที่ นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวในสารถึงพนักงานในบริษัทว่า เซเว่นฯ เน้นกลยุทธ์การเป็นร้าน “อิ่มสะดวก” ของคนไทย มีแผนขยายสาขาร้านเซเว่นฯเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 600 สาขา เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 10,000 สาขา ภายในปี 2561

พร้อมกับการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมื้ออาหารและทุกช่วงเวลา เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา “ซีพี ออลล์” มีรายได้ถึง 4 แสนกว่าล้านบาท ขยายตัวถึง 9.3% โดยมีร้านเซเว่นฯเป็นตัวนำในการสร้างยอดขายและการเติบโต

อย่างไรก็ตาม แผนธุจกิจของซีพี ออลล์ ในครั้งนี้ ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ต่อผู้ค้าระดับรากหญ้า หากในอนาคตร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นที่มีกว่า 9,000 สาขาทั่วประเทศ ให้บริการอาหารปิ่นโตทุกสาขา ซึ่งนี่เองสร้างความกังวลว่า การรุกคืบในครั้งนี้ อาจกลายเป็นจุดจบของร้านอาหารตามสั่งเหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับร้านโชว์ห่วยก็เป็นได้

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2531 และยังเป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven โดยได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว

 

บริษัทมีร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศรวม 8,832 สาขา โดยเป็นร้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 3,922 สาขา เป็นร้านในต่างจังหวัด  4,910สาขา เมื่อแบ่งตามประเภทของร้านพบว่า มีร้านสาขาบริษัท 3,908 สาขา ส่วนที่เหลือเป็นร้านแฟรนไชส์ 4,257 สาขา และร้านค้าที่ได้รับ สิทธิช่วงอาณาเขต 667 สาขา ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร้าน 7-Eleven เฉลี่ยวันละ 10.9 ล้านคน

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนวันที่ 12 มีนาคม 2542 ทุนจดทะเบียน 8,986,296,048 บาท ที่ตั้งอยู่ที่ 283 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร

 

แจ้งประกอบธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ เพื่อจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค

 

คณะกรรมการ ประกอบด้วย

1. นายปรีดี บุญยัง

2. นายผดุง เตชะศรินทร์

3. นายธนินท์ เจียรวนนท์

4. นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์

5. นายสุภกิต เจียรวนนท์

พี่อาร์ม---6. นายอดิเรก ศรีประทักษ์

7. นายอำรุง สรรพสิทธิ์วงศ์

8. นายณรงค์ เจียรวนนท์

9. นายประเสริฐ จารุพนิช

10. นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล

11. นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล

12. นายโกเมน ภัทรภิรมย์

13. นายธานินทร์ บูรณมานิต

14. พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ

15. นายประสพสุข บุญเดช

ล่าสุดส่งผลประกอบการธุรกิจ เมื่อปี 2557 แจ้งมีรายได้รวม228,995,947,120 บาท รายจ่ายรวม 211,289,184,908 บาท กำไร(ขาดทุน)สุทธิ 8,677,689,540.00 บาท

และนอกเหนือจากการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว 7-Eleven ก็ยังขยายช่องทางธุรกิจในลักษณะของการให้บริการด้านอื่นๆ ด้วย อาทิ

ธุรกิจ 7-Catalog Order ช่องทางธุรกิจด้านการสั่งซื้อสินค้าผ่านทาง “วารสารแคตตาล็อก”

ธุรกิจ บุ๊คสไมล์ ช่องทางในการจำหน่ายหนังสือและวารสาร

ธุรกิจ เอ็กซ์ต้า ร้านสุขภาพและความงาม ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าประเภทยาและเวชภัณฑ์ สินค้าสุขภาพ และเครื่องสำอาง

ธุรกิจ คัดสรร ช่องทางจำหน่ายสินค้าที่คัดสรรพิเศษทั้งกาแฟและเบเกอรี่

ธุรกิจ เบลินี ร้านเบเกอรี่และกาแฟ ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งเบเกอรี่อบสดผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ และเค้กหลากหลายสไตล์ 

แน่นอนว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ย่อมไม่สามารถอยู่นิ่งเฉย โดยพยายามอธิบายข้อมูลต่อสื่อเพื่อทำความเข้าใจว่าซีพีออลล์ และรวมถึงเครือเจริญโภคภัณฑ์ทั้งเครือไม่ได้ทำธุรกิจที่ผูกขาดแต่ประการใด ดังปรากฏเป็นบทความและคำให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารในสื่อหลายสำนัก

ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ก็ได้รับประโยชน์จากการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจแบบเนื้อๆ เน้นๆ อยู่แล้ว ทั้งจากค่าแฟรนไชส์ราว 1.5 ล้านบาท ทั้งทำให้สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งทำให้ซีพีออลล์ไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าบริหารจัดการบุคลากรภายในร้าน เป็นต้น

     

มิหนำซ้ำยังมีการตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า ทำไมหลังจากที่ผู้ประกอบการ รายย่อยยอมควักเงินเพื่อซื้อแฟรนไชส์แล้ว ทำไมในเวลาต่อมาอีกไม่นานนักบนถนนเส้นเดียวกัน ซอยเดียวกัน หรือฝั่งตรงกันข้าม ซีพีออลล์ถึงยังมาเปิดร้านของตนเอง เสมือนหนึ่งต้องการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายย่อยอย่างไรอย่างนั้น

ซึ่งในที่นี่ไม่นับรวมสินค้าที่วางจำหน่ายภายในร้าน ซึ่งเมื่อทอดสายตาไปก็จะเห็นว่า ซีพี ออลล์พยายามรุกเข้าไปในการค้าระดับรากหญ้า ขายทั้งไข่ต้ม ข้าวแกง และอาหารตามสั่งสำเร็จรูปมากมาย จนแทบไม่เหลือพื้นที่สำหรับคนจนค้าขาย

     

แถมซีพีออลล์ยังผลิตสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเองออกมาจำหน่ายแข่งกับผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการรายย่อยอีกด้วย ซึ่งถ้าเข้าไปดูในร้าน 7-Eleven ก็จะเห็นสินค้าของ “เฮ้าส์แบรนด์” ของซีพีวางขายเกร่อ ขณะที่แผงเพื่อวางสินค้าของผู้ผลิตรายอื่นเริ่มถูกเบียดบังพื้นที่

ที่หนักไปกว่านั้นก็คือการรุกคืบและการกินรวบของ 7-Eleven ที่กำลังขยายตัวออกไปในหลากหลายธุรกิจ เช่น การเปิดขาย “อาหารตามสั่ง” ที่สาขาประชาสงเคราะห์ 23

การเปิดให้บริการ “ซัก อบ รีด ตลอด 24 ชั่วโมง” ที่สาขาสีลม ซอย 9

รวมกระทั่งถึงการจัดส่งสินค้าผ่านทาง 7-Eleven ที่ใช้ชื่อว่า ม้าขาว ให้บริการส่งสินค้าและพัสดุครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย ด้วยระบบ SMS ที่จะคอยแจ้งเตือนตลอดกระบวนการ สามารถรับสินค้าที่สั่งไว้ได้ผ่านร้านค้า 7-Eleven ที่เลือกได้เอง พร้อมทั้ง ระบุหมายเลขและรหัสสินค้าที่ชัดเจน กับกล่องพัสดุคุณภาพ รวมทั้งการรุกคืบเข้าไปสู่ธุรกิจขายกาแฟด้วยการเปิดคีออสก์จำหน่ายกาแฟสดและเครื่องดื่มต่าง ๆ ในราคาที่เรียกว่าสั่นสะทือนร้านขายกาแฟทั่วประเทศกันเลยทีเดียว