อย่าหลงกลเกมส์ "ธรรมกาย"!!!...พาทัวร์วัดไม่เกี่ยวอะไรกับคดี"ธัมมชโย"

อย่าหลงกลเกมส์ "ธรรมกาย"!!!...พาทัวร์วัดไม่เกี่ยวอะไรกับคดี"ธัมมชโย"

ความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหา สมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร กรณีรับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

แม้ว่าในวันนี้นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ได้นำสื่อมวลชน ตรวจสอบจุดต่างๆ ในวัดธรรมกาย

ซึ่งถือว่าไม่ใช่สาระสำคัญในการดำเนินคดี กับพระธัมมชโย และที่สำคัญแทนที่นายองอาจจะได้พาสื่อมวลชนไปดูพิสูจน์ว่าพระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดและพักรักษาตัวอย่างไร กลับพาสื่อไปตรวจสอบในสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นเลยแม้แต่น้อย จึงเกิดการตั้งคำถามว่ากิจกรรมในวันนี้เบี่ยงเบนประเด็นหรือไม่

นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ของวัด และเจ้าหน้าที่วัด ได้พาสื่อมวลชนตรวจเยี่ยมบริเวณพระอุโบสถ โดยเคลื่อนผ่านประตู5 ที่ปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ามาได้

นายองอาจ ได้ยืนยันว่า ใต้ถุนพระอุโบสถนั้น ไม่ได้มีห้องลับตามที่มีคนกล่าวอ้าง จากนั้นได้พาสื่อมวลชนเข้าเก็บภาพภายใน โดยจะเข้าได้ครั้งละ30คน และสามารถเข้าได้เพียงช่องทางเดียว ที่มีความสูงประมาณ1เมตร ความกว้างประมาณ1.5เมตร ภายในใต้ถุนมีลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยม และเป็นเก็บพวกอุปกรณ์การก่อสร้าง และอุปกรณ์สำหรับการใช้งานภายในวัด

จากนั้น นายองอาจได้แถลงยืนยันอีกครั้งว่าปราศจากอาวุธทีจะเป็นภัยต่อประเทศชาติ และได้ให้สื่อมวลชนลงนามว่าปราศจากอาวุธจริง พร้อม ยืนยันความบริสุทธิ์ของพระธัมมชโยว่า พระธัมมชโยไม่ได้มีการปกปิดเส้นทางทางการเงินแต่อย่างใด โดยรับบริจาคแบบเปิดเผยสุจริต , เงินที่ได้รับจากการบริจาคทั้งหมด ไม่ได้นำมาใช้ส่วนตัวหรือโอนถ่ายกลับไปให้นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประทานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

เพราะฉะนั้นทุกคนคงต้องกลับมาโฟกัสที่กระบวนการทางกฏหมายทั้งในแง่ของการออกหมายค้นเนื่องจากพระธัมมชโยถูกออกหมายจับในข้อหา สมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการไปดูบรรยากาศของวัดพระธรรมกายเลยแม้แต่น้อย

 

เมื่อวันที่ วันที่ 13 มิถุนายน 2559 ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด , นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ แถลงข่าว คดีที่ นายธรรมนูญ อัตโชติ กับพวก รวม  49  คน ได้กล่าวหา

 

ผู้ต้องหาที่ 1นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธาน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น

 

ผู้ต้องหาที่ 2 พระเทพญาณมหามุนี หรือ นายไชยบูรณ์ สุทธิผล หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 

 

ผู้ต้องหาที่ 3 นางสาวศรัณยา มานหมัด

 

ผู้ต้องหาที่ 4 นางทองพิน กันล้อม

 

ผู้ต้องหาที่ 5นางศศิธร โชคประสิทธิ์

 

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่  1- 5 ตามลำดับ คดีร่วมกันฟอกเงิน

พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ได้นำสำนวนการสอบสวน และเอกสารหลักฐาน จำนวน 32 แฟ้ม 10,672 หน้า พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธาน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ, นางสาวศรัณยา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 และนางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 4 ในข้อหาร่วมกันสมคบการฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน มาส่งให้นายภาณุพงษ์ โชติสิน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ

และพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ  หรือ ดีเอสไอ  มีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พระเทพญาณมหามุนี หรือ นายไชยบูรณ์ สุทธิผล หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ 2 กับนางศศิธร โชคประสิทธิ์  ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานสมคบกันฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร

ร.ท.สมนึก เสียงก้อง  โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า  พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ แจ้งว่า นายศุภชัย ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกควบคุมตามคำสั่งศาลในคดีแดงที่ อ.706/2559 ส่วน น.ส.ศรัณยา และนางทองพิน ผู้ต้องหาที่ 3-4 ได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการแล้วและได้ปล่อยตัวไป โดยนัดมาฟังการสั่งคดี ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2559