- 24 มิ.ย. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
(24 มิถุนายน) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีครบคอบ 84 ปี ประชาธิปไตยในวันนี้ ว่า สำหรับไทย 84 ปีที่ผ่านมาหลายท่านต้องการให้ประเทศก้าวสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อยากให้วงจรนี้หลุดพ้นและให้เราก้าวไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ หากทำไม่ได้ก็จะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงต้องการเห็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยตามเจตนารมณ์ของคนรุ่นหลังที่ได้เริ่มต้นไว้ ที่ต้องการให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ทั้งนี้การที่ประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตย ให้สิทธิเสรีภาพแก่พี่น้องประชาชนถือเป็นทางออกที่ดี และเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า อีก 40 กว่าวันที่จะถึงวันลงประชามติ อยากฝากถึงผู้มีอำนาจรัฐ ขอให้กติกาต่างๆ มีความชัดเจนมากขึ้น ไม่เช่นนั้นทุกคนไม่สามารถแสดงออกได้เต็มที่ และที่สำคัญขอให้วางตัวเป็นกลาง กติกาต่างๆ ต้องปฏิบัติอย่างเสมอภาคจะทำให้สังคมเกิดความยอมรับ ได้แสดงออกซึ่งความเห็น อยากให้พูดได้ทั้งประเด็นที่รับและไม่รับ ไม่ใช่สามารถพูดได้เพียงประเด็นใดประเด็นหนึ่งเท่านั้น ซึ่งประชาชนจะใช้วิจารณญาณในการรับฟังและตัดสินใจเรื่องนี้เอง ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชนในขณะนี้นั้น จากที่เห็นตามข่าวทุกคนได้มีการเรียกร้อง ซึ่งเราเองก็อยากเห็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้เห็นต่างเพื่อสะท้อนการให้สิทธิเสรีภาพ และอยากให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบด้วยถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างมีความราบรื่น
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวกรณีรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยให้เงินสนับสนุนชาวนาไร่ละ 1 พันบาท เป็นเงินกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทว่า อยากให้ดูที่ผลเพราะวิธีการดำเนินงานของแต่ละรัฐบาลอาจจะต่างกัน แต่ทุกรัฐบาลล้วนต้องการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร และต้องดูว่าสุดท้ายชาวนาได้รับผลเต็มที่และทั่วถึงหรือไม่ ส่วนการลงพื้นที่พบปะแฟนเพจก็ห่วงในเรื่องเศรษฐกิจเพราะยังเติบโตไม่เต็มที่โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย จะประสบปัญหาเศรษฐกิจจึงอยากให้รัฐบาลหามาตรการต่างๆ ช่วยเหลือทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มต่างจังหวัดที่อาจไม่เข้าถึงเรื่องการสะท้อนปัญหาปากท้องได้
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิกปปส. เตรียมออกแสดงความเห็นรับร่างรัฐธรรมนูญผ่านโซเชียลมีเดีย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ผู้รักษากติกาต้องวางตัวเป็นกลาง ทำให้กติกาต่างๆ เกิดความเท่าเทียม ไม่เช่นนั้นหากอนุญาตให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ห้ามอีกฝ่ายคนก็จะครหาผู้รักษากติกา ซึ่งตนไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น
เมื่อถามว่า จะแตกต่างกันหรือไม่เพราะนายสุเทพ ไม่ใช่นักการเมือง จึงไม่ต้องกลัวเรื่องการยุบพรรค น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกคนแสดงความเห็นโดยใช้สิทธิส่วนบุคคล เนื่องจากพรรคการเมืองไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆ ได้ และเป็นสิทธิของแต่ละบุคคลที่สามารถแสดงความเห็นได้