เคลียร์มั๊ย!?!...ดีเอสไอตั้งโต๊ะติว "ศิษย์ธรรมกาย" คดีกบฎ "พุทธะอิสระ" กับคดี ฟอกเงิน-รับของโจร "ธัมมชโย"มันเป็นแบบนี้!!!

นายพัฐจักร เทพษร ที่ปรึกษากฎหมายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย พร้อมกลุ่มศิษยานุศิษย์ประมาณ 200 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อทวงถามการดำเนินคดีกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิก สปช. และพระสุวิทย์ หรือ

นายพัฐจักร เทพษร ที่ปรึกษากฎหมายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย พร้อมกลุ่มศิษยานุศิษย์ประมาณ 200 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อทวงถามการดำเนินคดีกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิก สปช. และพระสุวิทย์ หรือพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีกบฏจากการร่วมชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ปี 2556 ในคดีพิเศษที่ 261/2556 โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เป็นผู้รับยื่นหนังสือ

 

ต่อมา พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.ชลภัทร ปานสกุล รอง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ และ พ.ต.ต.วรณัน ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่กลุ่มศิษยานุศิษย์ยื่นร้องเรียนก่อนหน้านี้

 

โดย พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวว่า คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายได้ยื่นหนังสื่อถึงดีเอสไอ เพื่อสอบถามใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ดีเอสไอดำเนินคดีซ้ำซ้อน 2.เลือกปฏิบัติ 3.วัดพระธรรมกายคืนเงินให้กับสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ทำไมดีเอสไอจึงไม่ยอมความเกี่ยวกับคดีนี้ การดำเนินของดีเอสไอไม่ทำการซ้ำซ้อนกัน และไม่เลือกทำคดี รวมถึงไม่เลือกปฏิบัติ เพราะเป็นคดีความผิดที่ร่วมกันยักยอกทรัพย์ ซึ่งเป็นคดีที่ 146/2556 เมื่อดีเอสไอส่งสำนวนให้กับอัยการแล้ว ทางอัยการจึงมีหนังสือให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติม โดยการตรวจสอบเช็คจำนวน 878 ฉบับ และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทุกคน รวมถึงตัวพระธัมมชโยด้วย ซึ่งเป็นการสอบในฐานะพยาน จากนั้นสมาชิกสหกรณ์ได้ยื่นเรื่องเพิ่มเติมว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตฯ มีการฉ้อโกงประชาชน และดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนกระทั่งพบว่านายศุภชัยนำเงินไปไว้ที่ไหน ซึ่งถูกแจ้งข้อหารับของโจร และข้อหาฟอกเงิน ซึ่งเป็นคดีที่ 63/2557 ส่วนคดีที่ 27/2559 เป็นคดีสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร มีผู้ต้องหา 5 ราย โดยมีพระธัมมชโยรวมอยู่ด้วย

ด้าน พ.ต.ท.ชลภัทรกล่าวว่า สำหรับคดีของนายไพบูลย์ และพระพุทธะอิสระ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 261/2556 กรณีชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2556 ซึ่งคดีนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 51 คน ซึ่งรวมถึงนายไพบูลย์ และพระพุทธะอิสระด้วย โดยส่งสำนวนให้อัยการไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2557 หลังจากนั้น พนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องทั้งนายไพบูลย์ และพระพุทธะอิสระ โดยดีเอสไอก็ได้ดำเนินการตามที่อัยการสั่ง และออกหมายจับพระพุทธะอิสระ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีพร้อมส่งให้อัยการแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานอัยการ

พ.ต.ท.ชลภัทรกล่าวอีกว่า กรณีของนายไพบูลย์ พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องก่อนนำเรื่องส่งให้อัยการดำเนินการฟ้อง แต่ได้ส่งกลับมาเพื่อให้สอบสวนเพิ่มเติมจึงยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาในตอนนี้ เพราะทางกลุ่มผู้ต้องหาได้ไปร้องอัยการและมีหลักฐานให้สอบเพิ่มเติมอีก ซึ่งปัจจุบันพนักงานสอบสวนได้สอบเพิ่มเติมเสร็จสิ้นเกือบหมดแล้วแต่ยังมีบางประเด็นที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า หลังจากดีเอสไอได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย และมีกระแสข่าวว่านายองอาจจะเดินทางยื่นหนังสือที่ดีเอสไอ แต่ปรากฏว่านายองอาจไม่ได้เดินทางมา มีเพียงกลุ่มศิษยานุศิษย์ และทนายเดินทางมายื่นหนังสือเท่านั้น ประมาณ 200 คน และตั้งข้อสังเกตว่าหนังสือที่วัดพระธรรมกายนำมายื่นในวันนี้ จัดทำที่ไหนกันแน่ เพราะในหัวหนังสือระบุว่าจัดทำที่จังหวัดปัตตานี แต่ในเนื้อหาระบุเป็นวัดพระธรรมกาย จึงไม่แน่ใจว่าจัดทำที่ไหนกันแน่

ด้านนายพัฐจักรกล่าวว่า สำหรับคณะศิษยานุศิษย์ต้องการสอบถามความคืบหน้าในคดีกบฏ คือ 1.นายไพบูลย์ ผู้ต้องหาในข้อหาสนับสนุนการเป็นกบฏมีสถานภาพทางคดี คือ อัยการเห็นควรสั่งฟ้อง แต่ผู้ต้องหายังไม่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และดีเอสไอยังไม่ได้นำตัวส่งพนักงานอัยการจริงหรือไม่ 2.ถ้าจริง นายไพบูลย์ได้พบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเพื่อกล่าวหาและเร่งรัดคดีของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่ดีเอสไอหลายครั้ง ทำไมพนักงานสอบสวนจึงไม่นำตัวนายไพบูลย์มารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อนำคดีขึ้นสู่ศาล 3.พฤติการณ์ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

นายพัฐจักรกล่าวต่อว่า 4.เอกสารแถลงข่าวของดีเอสไอ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่กล่าวว่าดีเอสไอได้สอบสวนดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว เป็นข้อความอันเป็นเท็จหรือไม่ เพราะหากนายไพบูลย์ยังไม่ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และพนักงานสอบสวนยังไม่ได้นำตัวนายไพบูลย์ส่งมอบให้อัยการ ดีเอสไอจึงยังสอบสวนนายไพบูลย์ไม่เสร็จสิ้นใช่หรือไม่ 5.หากดีเอสไอไปแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยเหตุผลหลักฐานอันเป็นเท็จ ดีเอสไอจะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จหรือไม่ และ 6.สถานภาพทางคดีของพระพุทธะอิสระอยู่ในขั้นตอนใด ดีเอสไอได้ประสานการทำงานกับอัยการหรือไม่ จะส่งฟ้องต่อศาลอาญาได้เมื่อใด และคดีดังกล่าวติดขัดอยู่ในขั้นตอนใด เพื่อที่คณะศิษยานุศิษย์จะได้เร่งรัดติดตามต่อไป

 

รายงานว่า ระหว่างที่นายพัฐษร ยื่นหนังสือให้กับ พ.ต.ต.วรณันนั้น ทางดีเอสไอได้เชิญนายพัฐษร เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงที่ดีเอสไอได้เตรียมไว้ แต่ปรากฏว่าทางนายพัฐษรได้ขอให้ดีเอสไอชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่ง พ.ต.ต.วรณันระบุว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ให้มาร่วมรับฟังการชี้แจง เนื่องจากได้จัดเตรียมสถานที่ไว้พร้อมแล้ว แต่ทางนายพัฐษรขอกลับไปปรึกษาตัวแทนกลุ่มศิษยานุศิษย์ก่อนว่าใครจะเป็นตัวแทนเข้าร่วมรับการชี้แจงของดีเอสไอ กระทั่งได้เวลาแถลงข่าว กลุ่มทนายความและศิษยานุศิษย์ไม่ประสงค์จะเข้าร่วมรับฟังการชี้แจง ก่อนจะเดินทางกลับไปทันที