"ขวัญชัย" มอบตัวกับทหาร ระบุหนีตอนแรกเพราะกลัวถูกเก็บในเรือนจำ แต่ผบ.มทบ.24ยันปลอดภัย จึงรับโทษตามกฏหมาย

หลังจาก นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา อดีตประธานชมรมคนรักอุดร เดินทางเข้าพบ พล.ต.อำนวย จุลโนนยาง ผบ.มทบ.24 พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรานี เพื่อขอมอบตัว ที่หนีการฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในคดีร่วมทำร้ายร่างกายกลุ่ม พธม.อุดรธานี ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2549 โดยศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี ปรับ 350,000 บาท

โดยการเข้ามอบตัวมี นางอาภรณ์ สาราคำ นายกรวีย์ สาราคำ ภรรยาและบุตรชายนายขวัญชัยฯ พร้อม นายปิ่น ทักษิณ ทนายความ และ นางมยุเรศ โคตรชมภู อดีตแกนนำคนเสื้อแดง จ.หนองคาย ร่วมเดินทางมาด้วย

 นายขวัญชัย ชี้แจงว่า ช่วงที่หลบหนีไปครั้งแรก เพราะกลัวว่าศาลจะตัดสินเพิ่มโทษจากเดิมที่ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่ขอไม่บอกว่าหลบหนีไปอยู่ที่ใด เพราะกลัวว่าคนที่พาไปจะเดือดร้อน อีกทั้งกลัวว่า หากถูกจำคุกไปแล้ว จะไม่ปลอดภัย ซึ่งทาง พล.ต.อำนวยฯ รับปากที่จะดูแลเรื่องความปลอดภัยให้เป็นพิเศษ โดยมีการพูดคุยกันประมาณ 5 นาที

นายขวัญชัยฯ ให้สัมภาษณ์ว่า  “เมื่อไปตั้งสติมาแล้ว จึงคิดว่าวันนี้ได้รับคำยืนยันจากทาง พล.ต.อำนวย จุลโนนยาง ผบ.มทบ.24 ที่เป็นคนที่ผมเคารพนับถืออยู่ ตั้งแต่สมัยการต่อสู้มาตั้งแต่ปี 49 ที่รู้จักตั้งแต่มีการรัฐประหารครั้งแรก ที่ผมไว้วางใจมาโดยตลอด เมื่อท่านให้ความมั่นใจถึงขนาดนี้แล้ว ผมจึงเดินทางกลับมาเข้าสู่กระบวนการรับโทษ พร้อมที่จะเข้าไปต้องโทษ 2 ปี ซึ่งตอนนี้ผมทำใจได้แล้ว และห่วงใยความรู้สึกของสมาชิกชมรมคนรักอุดร ที่พ่อ ๆ แม่ ๆ ที่มาพบคุณอาภรณ์ฯ ภรรยาผม และกับบุตรชาย ที่อยากให้ผมกลับมามอบตัว”

จากนั้น พล.ต.อำนวยฯ ผบ.มทบ.24 พล.ต.ต.พีระพงศ์ฯ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้นำตัวนายขวัญชัยฯ ขึ้นรถ เพื่อนำตัวส่งยังศาล จ.อุดรธานี โญมีทนายความ พร้อมภรรยา บุตร และผู้ติดตาม เข้าไปภายในศาล เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของศาล ก่อนที่จะควบคุมตัวนายขวัญชัยฯ ไปยังเรือนจำกลางอุดรธานี

 


พล.ต.อำนวย จุลโนนยาง ผบ.มทบ.24 เปิดเผยว่า หลังจากที่นายขวัญชัย ไม่มารับฟังความพิพากษา ทางกองทัพบกในฐานะดูแลหน่วยงานความมั่นคง และทางตำรวจ ก็พยายามติดตามตัวกลับมา เพราะกลัวว่าอาจจะมีความเข้าใจผิด หรือมีอะไรที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดหรือไม่ เนื่องจากส่งผลในความเชื่อมั่น เชื่อถือ ในระบบความมั่นคง ตนจึงพยายามติดต่อหาข้อมูลกับทางครอบครัวนายขวัญชัยฯ และฝากบอกว่าขอให้นายขวัญชัยฯ กลับมาเข้าสู่ระบบเสีย เพราะอย่างไรในประเทศไทยก็ยังดำรงเรื่องของความยุติธรรม และความมีน้ำใจอยู่

“จนถึงเมื่อวานนี้ ทางบุตรชายนายขวัญชัย โทรมาบอกผมว่า นายขวัญชัย ติดต่อกลับมา และบอกให้ลูกชายมาพบผม เมื่ออธิบายให้ทราบว่า ทั้งหมดมันหนีความจริงไม่ได้ ให้กลับมา เพราะสุดท้ายก็จะได้รับความเมตตาจากระบบ เพราะถ้าหนีก็ต้องหนีไปตลอดชีวิต จนเมื่อเช้าวันนี้ภรรยาและบุตรชายนายขวัญชัยฯ มาพบผม ยืนยันว่านายขวัญชัยฯ จะกลับมามอบตัวเข้าสู่ระบบ ผมจึงรายงานไปยังทางแม่ทัพภาค 2 และปรึกษาทางผู้พิพากษาหัวหน้าศาล และทาง ผก.ภ.จว.อุดรธานี เพื่อทราบถึงวิธีปฏิบัติตามขั้นตอน เพราะทางนายขวัญชัยฯ ค่อนข้างไม่สบายใจเรื่องความปลอดภัย จนนายขวัญชัยฯ จึงมาพบผม เพื่อให้นำตัวส่งเข้าสู่ระบบต่อไป”