เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สไตล์ "พล.อ.ประยุทธ์" ต่อให้ร่างรธน.ไม่ผ่านก็มีทางออกเสมอแต่ว่าโพลส่งสัญญาณบางอย่างออกมาแล้ว

เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สไตล์ "พล.อ.ประยุทธ์" ต่อให้ร่างรธน.ไม่ผ่านก็มีทางออกเสมอแต่ว่าโพลส่งสัญญาณบางอย่างออกมาแล้ว

นับถอยหลังเหลืออีกแค่เพียง 27 วัน ก็จะถึงวันลงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ที่ถือว่าเป็นวันชี้ชะตาอนาคตประเทศในการออกมาลงประชามติว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่อย่างไร

ตั้งแต่ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาปรากฏว่าก็มีโพลหลายสำนักที่สอบถามความคิดเห็นของประชาชนซึ่งผลที่ออกมานั้นมีนัยยะสำคัญที่แสดงเห็นถึงการยอมรับรัฐบาลคสช.และการที่คนส่วนใหญ่ยอมรับสถานการณ์การเมืองที่อยู่ภายใต้กฏหมายเป็นที่เรียบร้อย

มาสเตอร์โพล สำรวจเรื่อง "คนไทยเข้าใจรัฐธรรมนูญแล้วหรือยัง"

-ร้อยละ 97.6 ทราบมาก่อนแล้วว่าจะมีการลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นี้

-ร้อยละ 96.7 ทราบจากรายการเดินหน้าประเทศไทย

-ร้อยละ 85.8 ทราบจากรายการคืนความสุขให้คนในชาติ

-ร้อยละ 76.7 ทราบจากเจ้าหน้าที่ทหาร/หน่วยทหารในพื้นที่

การตัดสินใจของแกนนำชุมชนหากว่าวันนี้เป็นวันลงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญ

 

ร้อยละ 91.7 จะรับร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อความสงบสุขของประเทศ/รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีประโยชน์กับประชาชน/เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีช่วยพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น และเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำเพื่อประชาชนและประชาชนมีส่วนร่วมทำให้ประชาชนมีความพึงพอใจ

ขณะที่ กรุงเทพโพล "นับถอยหลัง 1 เดือน วันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 7 ส.ค.59" พบว่า

-ร้อยละ 77.7 ตั้งใจว่าจะไปออกเสียงลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 7 ส.ค.นี้

-ร้อยละ 10.4 ตั้งใจว่าจะไม่ไป

-ร้อยละ 11.9 ยังไม่แน่ใจ

เมื่อถามว่าหากวันนี้เป็นวันออกเสียงประชามติร่างฯ จะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่

-ร้อยละ 43.6 ระบุว่าเห็นชอบ

-ร้อยละ 6.6 ระบุว่าไม่เห็นชอบ

-ร้อยละ 13.0 ระบุว่างดออกเสียง

-ร้อยละ 36.8 ระบุว่าไม่แน่ใจ

ส่วน การตัดสินใจของประชาชนเกี่ยวกับการลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า

-ร้อยละ 64.94 ยังไม่ตัดสินใจ

-ร้อยละ 26.33 ไปลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ

- ร้อยละ 6.20 ไปลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

-ร้อยละ 2.53 ไปใช้สิทธิ แต่ไม่มีมติไปทางใดทางหนึ่งอย่างชัดเจน

ซูเปอร์โพล เปรียบเทียบความสุขมวลรวมคนไทย ระหว่าง กลุ่มคนที่ตั้งใจจะรับกับกลุ่มคนที่ตั้งใจจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ   

-ร้อยละ 54.3 มีความสุขค่อนข้าง มากถึงมากที่สุด

-ร้อยละ 34.2 มีความสุขปานกลาง 

-ร้อยละ 11.5 มีความสุขน้อยถึงน้อยที่สุด

และเมื่อ แยกออกเป็นคนที่จะรับร่างรัฐธรรมนูญกับคนที่จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า คนที่จะรับร่างรัฐธรรมนูญ

-ร้อยละ 57.1 มีความสุขค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ซึ่งมากกว่ากลุ่มคนที่จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

-ร้อยละ 47.2 ที่มีความสุขค่อนข้างมากถึงมากที่สุด

 พี่เด้ง -- และเมื่อพิจารณาความสุขของประชาชนต่อบรรยากาศทางการเมือง พบว่า คนที่จะรับร่างรัฐธรรมนูญ

-ร้อยละ 43.2 มีความสุขต่อบรรยากาศทางการเมืองค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ซึ่งมากกว่าคนที่จะไม่รับร่างรัฐ ธรรมนูญที่มีอยู่

-ร้อยละ 31.4 และที่น่าสนใจคือ คนที่จะรับร่างรัฐธรรมนูญ

-ร้อยละ 51.8 อยู่ในบรรยากาศของความสามัคคีปรองดอง

ขณะที่ สวนดุสิตโพล หัวข้อ การเมืองไทย

อันดับ 1 ร้อยละ 79.69 ระบุนักการเมืองขาดความสามัคคี ทะเลาะเบาะแว้ง ใส่ร้ายกันไปมา

 

อันดับ 2 ร้อยละ 75.52 ปัญหาทางการเมืองส่งผลกระทบในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศ

 

อันดับ 3 ร้อยละ 68.73 ยังมีการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการต่างๆ

 

อันดับ 4 ร้อยละ 64.40 กำลังจะมีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

 

อันดับ 5 ร้อยละ 57.61 การเมืองวันนี้ดีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลควบคุมดูแลได้ดี มีนโยบายชัดเจน

คงต้องติดตามกันต่อไปกับ การลงประชามติ ในวันที่ 7 สิงหาคม เพราะนั่นคือ เครื่องการันตีความเป็น ประชาธิปไตย แต่ก็เกิดคำถามว่า หาก ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติไม่ผ่านจะทำอย่างไรต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้สัมภาษณ์ถึงการลงประชามติ ว่าถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะร่างเองว่า ผมพูดถึงว่าถ้ามีปัญหามากนักทำนองนั้น ผมก็จะมาลองคิดดูว่าผมควรจะทำเองหรือเปล่า บางทีผมก็พูดทำนองอย่างนี้ ผมถือว่าเป็นคำพูดที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งอย่ามาถือสาผม ผมก็พูดของผมให้มีอารมณ์ไปเรื่อย ถือเป็นหลักการพูด รู้จักกันบ้างหรือไม่ ซึ่งคำทางพระเรียกว่า เทศน์แบบคาบลูกคาบดอก

นายอมร วินิชวิวัฒน์ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึง กรณี 2 พรรคการเมืองใหญ่ มีท่าทีไปในทางไม่รับร่างนั้น คงแล้วแต่สังคมพิจารณา กรธ.ไม่มีอำนาจอิทธิพลไปโน้มน้าวใครได้ เราทำงานวิชาการ ทำตามหลักการกฎหมาย ไม่ได้หวังจะให้พรรคการเมืองมาเห็นด้วย เราร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน ซึ่งจะผ่านหรือไม่ผ่าน ประชาชนเป็นผู้ชี้วัด เพราะต่อให้ผ่านหรือไม่ผ่าน รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คงเตรียมการรองรับไว้แล้วด้วย และ กรธ.เองไม่หวั่นไหว ไม่หนักใจ กำลังใจยังดีอยู่ แม้มีคนออกมาค้านมาก แค่เสียดาย ที่เราทำงานตั้งใจทุ่มเทมาหลายเดือน ทั้งนี้ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสิน

ยิ่งใกล้วันลงประชามติเท่าไรฝ่ายการเมืองก็ยังออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง คงต้องติดตามว่าการลงประชามติต่อจากนี้จะทำให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติทางการเมืองไปได้หรือไม่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ไม่อยากให้มอง แค่วันที่ 7 ส.ค. แต่อยากให้คนไทยมองเลยไปข้างหน้า เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่เราต้องการคือ ให้ประเทศพ้นจากปัญหาเดิมๆ เราจึงควรป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก ทั้งผู้ต้องการแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ และฝ่ายผู้มีอำนาจ ต่างก็ต้องประคับประคอง ดังนั้นการทำประชามติต้องเปิดพื้นที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม เพราะต้องยอมรับว่าจนถึงวันนี้ก็ยังทำไม่ได้เต็มที่ จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดต่อไปว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หลังวันที่ 7 ส.ค. ทุกฝ่ายจะมีส่วนร่วมทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้อย่างไร

ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะร่างเองนั้น ก็เป็นอำนาจของท่านอยู่แล้ว ประเด็นอยู่ที่ว่าจะมีวิธีไหน อย่างไร ผ่านการรัฐประหารมา 2 ปี ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็ต้องหาข้อสรุปให้ได้ว่า ที่ไม่ผ่านเป็นเพราะอะไร หรือแม้จะประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ แต่ถ้ารัฐธรรมนูญไม่เป็นที่ยอมรับ ประเทศไทยจะจมอยู่กับความขัดแย้งไม่จบสิ้น ขณะที่ประชาชนต้องการเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า และยกระดับความเป็นอยู่

เมื่อถามย้ำว่า นายอภิสิทธิ์จะแสดงจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนหรือไม่ว่ารับ หรือไม่รับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

 

1. ต้องการทราบว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ไม่ผ่านแล้วรัฐบาลจะดำเนินการต่ออย่างไร เพราะถ้าไม่รับแล้ว ได้สิ่งที่แย่กว่า ตนก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน

 

2.ไม่ต้องการเห็นบรรยากาศความขัดแย้ง ซึ่งที่ผ่านมา ยังกังวลอยู่ เพราะมีการพูดเรื่องร่างรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นทางการเมือง

และเมื่อเช่นทุกๆวัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เกี่ยวกับ การเลือกตั้งว่าเป็นหัวใจของกระบวนการประชาธิปไตย การทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตอบสนองเจตนารมณ์ประชาชน ก็จะสามารถได้คนดีมาทำงานให้กับบ้านเมืองแน่นอน

 

เช่นเดียวกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ประเด็น "ถ้าประชามติโกง เลือกตั้งก็โกง"

ถือว่าเป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการทำประชามติ เพราะหลังจากที่ กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ได้ไปรวมตัวกันขึ้นแสดงป้ายศูนย์ปราบโกงประชามติ ที่จังหวัดราชบุรี จนนำมาสู่การควบคุมตัว เนื่องจาก ไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดราชบุรี หลังเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าได้ทำผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 61 วรรค 2 สืบเนื่องจากมีผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกลุ่มนักศึกษาดังกล่าว ที่มีจำนวนมากกว่า 5 คนขึ้นไป รวมตัวกันขึ้นแสดงป้ายศูนย์ปราบโกงประชามติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. และเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจพบเอกสารในรถพบแผ่นพับซึ่งมีข้อความ โจมตีการทำงานของรัฐบาลปัจจุบัน พร้อมทั้งสติกเกอร์จำนวนมากจึงได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี

ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวว่ายืนยันว่าร่างรัฐธรรมนูญปลอมไม่มี ส่วนเอกสารที่พูดถึงกันนั้น คือเอกสารเห็นแย้งซึ่งไม่ผิดกฎหมายประชามติหรือกฎหมายอื่นใด โดยเรื่องนี้ตนเคยพูดคุยกับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง ในการเสวนาเรื่องรัฐธรรมนูญกับประชามติ ซึ่งนายสมชัย ก็ยืนยันเองว่าการแจกเอกสารไม่ผิดกฎหมายประชามติ โดยในการเสวนาครั้งนั้น นายปกรณ์ อารีกุล หรือแมน แกนนำขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ก็ได้มีการแจกเอกสารดังกล่าวให้แก่ผู้เข้าร่วมเสวนา รวมถึงตนก็ได้มอบให้กับนายสมชัยด้วย

        

ถือเป็นการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการจับกุมครั้งนี้ น่าจะเกิดมาจากความพยายามที่ต้องการยับยั้งการเผยแพร่ความเห็นต่างให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตามแม้เหตุการณ์จะเลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตนก็ไม่เสนอให้ใครทำอะไรที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย

นพ.เหวง โตจริาการ แกนนำนปช. ว่า เป็นเรื่องอัปยศ ที่สุด ของคสช. ที่ดำเนินการให้มีการ จับกุม นำตัว คนทั้งห้าดังกล่าว เพียงเพราะ มีเอกสารรณรงค์ประชามติบนรถเท่านั้น ยังไม่ทันได้นำเอกสารนั้นออกมา จำหน่าย จ่ายแจกแต่ประการใด และข้อความใน เอกสาร ก็ไม่ได้ผิดไปจากข้อเท็จจริง ก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดม ข่มขู่ รวมไปถึง ไม่มีตรงไหน ที่มุ่งหวังให้ผู้มีสิทธิออกเสียง ไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียงแต่ประการใด

ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มดาวดิน ออกแถลงการณ์ "ปลดปล่อยผู้บริสุทธิ์"ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ "ดาวดิน สังกัดพรรคสามัญชน" โดยระบุว่า "จงยอมรับเสียเถิดว่าท่านคือเผด็จการ เผด็จการที่ลุแก่อำนาจอย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่ท่านได้ใช้กำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ยึดอำนาจของประชาชนไปอย่างไร้สติ จับกุมคุมขังผู้ที่มีความคิดเห็นต่างกับกลุ่มของพวกท่าน ออกกฎระเบียบมากมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้อยู่ภายใต้อำนาจของท่าน จนมาถึงการร่างรัฐธรรมนูญของพวกท่านเอง ร่างรัฐธรรมนูญที่มิได้ยึดโยงกับประชาชนแต่อย่างใด อีกทั้งเนื้อหาในรัฐธรรมนูญก็มีแต่จะส่งผลร้ายแก่ฝ่ายประชาชนในอนาคต แต่ท่านก็ยังคงดึงดันที่จะให้รัฐธรรมนูญฉบับแย่ ๆ นี้เกิดขึ้น จนกระทั่งพยายามจับกุมผู้ที่มีความคิดเห็นต่างกับร่างรัฐธรรมนูญของท่านอย่างไร้เหตุผล