เปิด 16 ตร.พัวพันขบวนการ "หญิงไก่" ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้...ถึงเวลาล้างบาง!

เปิด 16 ตร.พัวพันขบวนการ "หญิงไก่" ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้...ถึงเวลาล้างบาง!

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงคณะพนักงานสอบสวนที่ทำคดีหญิงไก่แจ้งความเอาผิดลูกจ้างว่าลักทรัพย์นายจ้างจำนวน 9 คดี เหตุเกิดในท้องที่ สน.ประชาชื่นว่า มีกระแสข่าวที่พบพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่นกระทำผิดบ้างก็ 10 คน บ้างก็ 13 คน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง บางครั้งการตรวจสอบวันนี้ได้แค่ 10 คน พรุ่งนี้อาจจะมีเพิ่มขึ้นอีก เพื่อชี้ให้เห็นว่าไม่ได้มีการปกป้องเจ้าหน้าที่ตำรวจในการกระทำความผิดหรือข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้สบายใจ
          ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมี พล.ต.ต. จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าชุด ก็บอกไว้เช่นนั้นหากประเด็นไหนที่พบว่าผิดก็ต้องดำเนินคดีอาญาด้วย แต่ประเด็นใดต้องรอผลตรวจพิสูจน์ อย่างเช่นลายมือก็ต้องส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ ดูด้วยตาอาจจะไม่ชัดเจน ส่วนพยานบุคคลบางครั้งก็เชื่อถือได้ บางครั้งก็เชื่อถือไม่ได้ แต่วัตถุพยานเชื่อถือได้แน่นอน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็เร่งเวลาทำงานเพื่อให้ได้ผลสรุปโดยเร็วที่สุด

   พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบช.น.กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าสำนวนมีความบกพร่อง โดยจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 419/2556 คือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ และ ป.วิอาญา 131 คือต้องตรวจสอบทันที รวบรวมพยานหลักฐานเมื่อสงสัยและไม่ชักช้า ผลการตรวจสอบจากเอกสารที่ปรากฏพบว่ามีระดับพนักงานสอบสวนทั้งหมด 7 นาย ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ 419 และ ป.วิอาญา 131
          อีกทั้งยังมีความผิด พ.ร.บ.ตำรวจปี 2547 ระดับหัวหน้างานสอบสวนที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น จำนวน 3 นาย ระดับผู้กำกับการสถานีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น จำนวน 4 นาย ระดับรองผู้บัญชาการที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้นอีก 2 นาย รวมทั้งสิ้น 16 นาย ซึ่งตนจะรายงานให้กับ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.น.1 ทราบ
          พล.ต.ต.จารุวัฒน์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ตนจะเสนอรายงานต่อผู้บัญชาการ ซึ่งจะให้ออกจากตำแหน่งหรือไม่นั้นแบ่งเป็น 2 ลักษณะ แยกเป็น 1.อยู่แล้วก่อความเสียหายอีกหรือไม่ 2.อยู่แล้วสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานหรือมีส่วนจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐานทำให้การสืบสวนไม่เป็นไปด้วยความยุติธรรมโปร่งใส ถ้าเกี่ยวข้องกับ 2 ข้อนี้หรือข้อใดข้อหนึ่ง ก็จะเสนอขอย้ายให้พ้นจากหน้าที่ทันที ในส่วนของเรื่องวินัยร้ายแรงคงต้องรอให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตรวจสอบก่อน สำหรับความผิดทางอาญาเบื้องต้นยังไม่พบในตอนนี้
          สื่อข่าวถามว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 16 นายมีบุคคลใดบ้างที่มีความสนิทสนมกับนางมณตาเป็นการส่วนตัวบ้าง พล.ต.ต.จารุวัฒน์ เผยว่า ตนได้รับมอบหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ปฏิบัติหน้าที่ ยังไม่ก้าวล่วงที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงนอกเหนือกว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลมอบไว้ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าในส่วนของเอกสารของนางมณตา พบการปลอมแปลงเอกสารทั้ง 9 สำนวนเลยหรือไม่ หรือว่าพบความผิดลักษณะไหน
          พล.ต.ต.จารุวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบถึงการปลอมแปลงเอกสารซึ่งในเรื่องที่ถามมาก็คงจะต้องไปพิสูจน์ในชั้นคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ในชั้นนี้ตรวจสอบพบแค่มูลเหตุ ซึ่งหลังจากนี้ตนจะส่งรายงานการตรวจสอบให้กับทาง พล.ต.ต.ศานิตย์ เพื่อทำการพิจารณาตั้งคณะกรรมการสิบสวนสอบสวน คาดว่าใช้เวลา 1-2 วัน จึงแล้วเสร็จ
          ส่วนที่ จ.อุดรธานี กรณีเศรษฐินีคนหนึ่งที่จังหวัดอุดรธานีไปพัวพันกับหญิงไก่ในการซื้อขายที่ดินต่อมาปรากฏว่าได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น ตอนนี้ทราบตัวและสถานที่อยู่แล้วโดยผู้สื่อข่าวจ.อุดรธานีเดินทางไปพบคุณแม่โฉมศรี ประจันตะเสน อายุ 75 ปีซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ของนาง
          ฉวีวรรณ ตั้งวิริยะกุล ซึ่งคุณแม่โฉมศรีขณะนี้เปิดห้างหุ้นส่วนจำกัด แม่ศรีทราเวลให้การรถทัวร์เช่าเหมาลำ และได้เปิดเผยเรื่องราวของหญิงไก่ทั้งหมดให้ผู้สื่อข่าวฟังอย่างหมดเปลือก ขอยืนยันกรณีหญิงไก่ขายที่ดิน 8 ไร่นั้นไม่ใช่ แต่เป็นการขายที่บ้านและที่ดินเพียงจำนวน 2 งาน 86 ตารางวาของนางฉวีวรรณจริง
          คุณแม่โฉมศรีเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงไก่ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า สมัยก่อนคุณพ่อและคุณแม่ได้ขายทีดินแถวนี้และแถวตลาดรังสินาแบ่งให้ลูกๆ ทั้ง 5 คนรวมทั้งนางฉวีวรรณด้วย นางฉวีวรรณจะได้เยอะกว่าเพื่อนรวมถึงบ้านเลขที่ 31/2 ที่เป็นข่าวว่าหญิงไก่นำไปขาย 8 ไร่แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เป็น 2 งาน 86 ตารางวา ราคาประเมินตอนนั้น 8 ล้านบาท
          แม่โฉมศรี บอกว่าเคยเห็นหญิงไก่มาที่นี่บ่อย พร้อมลูกน้องที่ติดตามมาเยอะมากมีรถ ตร.นำทางมาด้วย แต่ในช่วงนั้นตนเองและนางฉวีวรรณผิดใจกันแล้ว เพราะนางฉวีวรรณไล่แม่ทองคำซึ่งเป็นแม่ตนเองออกจากบ้านและมีเรื่องมีราวเกี่ยวกับหญิงไก่ที่นำตู้เซฟของแม่ทองคำไปด้วยบอกว่าจะเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายรักษานางฉวีวรรณแต่เอาไปได้วันเดียวก็เอากลับคืนมาแต่สิ่งมีค่าในตู้เซฟพวกสร้อยคอทองคำของพ่อ 5 บาท ของแม่ทองคำ 5 บาทสร้อยแขน แหวน 2 วง พระเลี่ยมทองในตู้เซฟได้มาไม่ครบอย่างสร้อยของแม่ทองคำเอาไปให้ร้านทองดูปรากฏว่าเป็นของปลอม และไปแจ้งความแต่เรื่องไม่คืบหน้าก็เลยเงียบไป เรายังงงเอาไปวันเดียวกลับมาได้ของไม่หมดแล้วยังได้ของปลอมอีก

 

    ส่วนเรื่องนางฉวีวรรณหายตัวไปนั้นวันที่ 26 พฤศจิกายน 46 หญิงไก่และลูกน้องประคองนางฉวีวรรณไปบอกว่าจะพาไปรักษา มาทราบข่าววันที่ 2 ธ.ค. ว่าเสียชีวิตแล้วโดยหญิงไก่โทร.มาบอกว่าน้องชายว่านางฉวีวรรณได้ตายแล้ว แต่หญิงไก่เผาและจัดการเองหมดเราก็อยากไปงานศพแต่ก็กลัวอิทธิพลเขาเลยไม่ได้ไปประกอบกับเขาโทร.มาบอกตอนเผาเสร็จแล้วด้วย
          แต่พอเห็นข่าวหญิงไก่ก็จำได้ บอกลูกๆ มาดูมาดู รู้สึกบอกไม่ถูก (สะใจ) มาอุดรก็มาหลอกลวงกันพี่น้องเราจนผิดใจกันพี่น้องก็ตาย แม่ก็ตรอมใจตาย ที่ดินก็ให้สามีคือนายปิติไปขาย สู้คดีกันสามปีเพิ่งเสร็จแต่ก็เป็นของนายปิติไปแล้วเพราะเขาอ้างจากทะเบียนสมรส ตอนนี้นายปิติได้ขายให้แก่คนในจ.อุดรธานีไปแล้วและตอนนี้บ้านหลังนี้ก็เปิดให้คนเช่าอยู่
          "ผิดสังเกตช่วงระยะหลังที่เขามาติดต่อจะเอาที่ดินไปขายซึ่งตอนนั้นนางฉวีวรรณตายแล้วหญิงไก่จะมาบ่อยมาก เราเชื่อว่าหญิงไก่วางแผนชักชวนนายปิติซึ่งเป็นสามีนางฉวีวรรณมาโอนเอาที่ดินนางฉวีวรรณแน่ เราก็ต่อสู้ที่ชั้นศาลก็แพ้จบไปเมื่อ 3 ปีก่อน ส่วนเรื่องส่วนตัวของหญิงไก่ บางครั้งหญิงไก่ เขาบอกว่าไก่เป็นคุณหญิงนะ เรามองดูสภาพเขามีรถตำรวจมีคนแห่แหนมาด้วยเราก็คิดว่าเป็นคุณหญิงบางครั้งคุยกันก็บอกว่าเป็นผู้วิเศษ นุ่งขาวหุ่มขาว มองเห็นเลขเด็ดด้วย
          หลังจากมีข่าวออกไปเกี่ยวกับหญิงไก่ตนเองกับลูกๆ ได้ไปขอสำนวนคดีต่างๆ เกี่ยวกับหญิงไก่เพื่อมาดูว่าอะไรพอจะร้องขอความธรรมกับเจ้าหน้าที่เผื่อได้คืนบ้างอย่างเช่นกรณีทรัพย์สินมีค่าในตู้เซฟของแม่และที่ดินและบ้านของนางฉวีวรรณที่หญิงไก่ให้นายปิติขาย หากได้คืนมาก็ดีใจเพราะเป็นผืนดินที่เป็นมรดกของพ่อแม่ให้มา แต่ก็ยังคิดดูก่อนเพราะยังกลัวอิทธิพลหญิงไก่อยู่

          ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง