เหนือ-อีสาน ระอุ!!!... เกมส์สกปรกระบาดหนักพบจดหมายปลอมร่างรธน. อื้อซ่า!

เหนือ-อีสาน ระอุ!!!... เกมส์สกปรกระบาดหนักพบจดหมายปลอมร่างรธน. อื้อซ่า!

เชียงใหม่ยังพบเอกสารบิดเบือน รธน.ระบาดอื้อกว่า 4 พันฉบับ “วิษณุ” มองโลกแง่บวกช่วยกระตุ้นคนสนใจขึ้น “บิ๊กป้อม” ปัดรัฐบาล-คสช.สร้างสถานการณ์เอง “มีชัย” เฉ่งนักการเมืองยังไม่พัฒนา วอนอย่าถามถึงอนาคตปวดหัว เอ็นดีเอ็มจี้ กรธ.แจงให้เคลียร์ความเห็นแย้งผิดตรงไหน “สมพงษ์” ดักคอจับตัวการให้ได้ดับกระแสดิสเครดิตฝ่ายเห็นต่าง “เต้น” จวกวิชามารจัดฉากสร้างละครไม่เนียน พท.สงสัยใครได้ประโยชน์กันแน่ “ทักษิณ” เม้าท์ ส.ส.อีสาน เย้ย คสช.ก้าวไม่ข้าม ฟันธง “เหนือ-อีสาน” ไม่รับ รธน. จัดเบิร์ธเดย์วงเล็กๆ ที่จีนก่อนบินไปอังกฤษ ดันตรงกับช่วง “บิ๊กป้อม” ก็ไปพอดี ปชป.โวยตัดต่อไม่รับร่างว่อนเน็ต สตง.บอกไล่สอบทุจริต กทม.จนอายแทน สนช.แตกเละล้มกระดานสรรหาผู้ตรวจฯ “วิษณุ” รับแรงต้าน “เรวัต” หนักจึงต้องสั่งเบรก คสช.งัด ม.44 คุ้มครอง กสทช.-กสท.ปิดสื่อ องค์กรสื่ออ้อนทบทวน
          สถานการณ์ความวุ่นวายช่วงโค้งสุดท้ายก่อนลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ยังคงมีต่อเนื่อง หลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงพบมีการส่งเอกสารบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญในหลายพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ขณะที่ฝ่ายเห็นต่างอย่างพรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช. มองว่าอาจเป็นการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายรัฐบาลและ คสช.เอง
          “วิษณุ” ชิลกับสูตรสำเร็จตายตัว
          เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 14 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว กรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ว่า เป็นสูตรสำเร็จอยู่แล้วหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ต้องใส่เนื้อหาเข้าไปใหม่ จะลุกขึ้นมาร่างใหม่เฉยๆไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ระบุว่าจะทำอย่างไร จึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวใน 4 ประเด็น อาจรวบไว้ในมาตราเดียวให้ครอบคลุมก็ได้ เพื่อให้มีคำตอบว่าจะให้ใครเป็นคนดำเนินการ ด้วยวิธีการใด ให้แล้วเสร็จภายในเวลาเท่าใด เสร็จแล้วให้ทำอย่างไรต่อ จะดูกันก่อนหรือหลังวันที่ 7 ส.ค.ได้ทั้งนั้น
          มองบวก รธน.ปลอมทำคนสนใจ
          นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีพบร่างรัฐธรรมนูญปลอมกระจายในหลายจังหวัด ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสอบสวน มีรายงานว่าส่งไปถึงบ้านประชาชน เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับของจริง ถึงรู้ว่าของที่ได้มาตอนแรกมีการบิดเบือนเนื้อหา ซึ่งพบมากในพื้นที่ภาคเหนือและบางพื้นที่ในภาคอีสาน มองว่าการส่งเอกสารดังกล่าวไปตามทะเบียนราษฎรไม่ใช่เรื่องยาก เรื่องนี้สามารถมองวิกฤติเป็นโอกาสได้เช่นกัน อย่างน้อยการมีข่าวร่างธรรมนูญปลอมระบาด ก็ทำให้ประชาชนที่ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกันหันมาสนใจ ส่วนการแจกเงินเพื่อจูงใจในการลงคะแนนนั้น ยังไม่ทราบ ส่วนตัวไม่คิดว่าจะมี เพราะไม่คิดว่าจะมีใครลงทุนเช่นนั้น

 “บิ๊กป้อม” ปัดสร้างสถานการณ์
          ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีการตรวจพบเอกสารบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ทราบเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลและ คสช. อาจเป็นผู้สร้างกระแสเองนั้น ยืนยันว่ารัฐบาล และ คสช. ไม่ได้สร้างสถานการณ์หรือกระแสดังกล่าว ตนไม่จำเป็นต้องชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกแล้ว เพราะรัฐบาลและ คสช. ชี้แจงกันหมดแล้ว
          “บิ๊กป๊อก” ยังไม่พบเหตุผิดปกติ
          ที่กรมการปกครอง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารของกรมการปกครอง ว่า หารือถึงงานทะเบียน เพื่อสนับสนุนงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการจัดทำบัญชีรายชื่อหน้าหน่วยออกเสียงประชามติ กระทรวงมหาดไทยส่งบัญชีรายชื่อกว่า 95,000 หน่วยออกเสียง ให้ กกต.แล้ว ส่วนการส่งหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน เป็นหน้าที่ กกต.จะดำเนินการ โดยใช้ข้อมูลที่กระทรวงมหาดไทยจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนการแจกร่างรัฐธรรมนูญปลอมนั้น กรมการปกครองได้รายงานความคืบหน้าในแต่ละพื้นที่แล้ว โดยยืนยันว่า ไม่พบความผิดปกติ วันที่ 15 ก.ค. จะประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ จะกำชับเรื่องการดูแลความสงบเรียบร้อยก่อนถึงวันออกเสียงประชามติ เบื้องต้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่มหาดไทย ประสานงานกับ กกต. ทหาร และตำรวจ ดำเนินการหาผู้กระทำผิด
          มท.ทำข้อมูลทะเบียนป้อน กกต.
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมการปกครองโดยสำนักบริหารการทะเบียน ได้เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนจัดทำประชามติ ปัจจุบันมีผู้สิทธิจำนวน 50,260,382 คน และจัดทำประกาศหน่วยออกเสียงประชามติแล้ว 95,295 หน่วย รวมทั้งจัดทำหนังสือแจ้งเจ้าบ้านที่มีรายชื่อผู้มีสิทธิ จำนวน 16,827,871 ฉบับ เพื่อส่งมอบหนังสือดังกล่าวให้พื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป คาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ค.
          เชียงใหม่พบร่างปลอมระบาดอีก
          วันเดียวกัน พ.ต.ท.บัณฑิต จิตต์ภาคภูมิ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมทหารจาก มณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ เข้าตรวจสอบที่ทำการไปรษณีย์พระสิงห์ ถนนราชมรรคา กลางเมืองเชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งพบจดหมายบิดเบือนรัฐธรรมนูญที่ส่งมาจากไปรษณีย์ต่างๆ มาถึงผู้รับจำนวน 157 ฉบับ ตำรวจและทหารจึงยึดมาเก็บไว้ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.ท.บัณฑิตกล่าวว่า จากการตรวจสอบที่ประทับตราไปรษณีย์ พบว่าต้นทางส่งมาจาก ปณ.หลักสี่ และ ปณ.ดุสิต กทม. ปณ.สันทราย ปณ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และ ปณ.ลี้ จ.ลำพูน จ่าหน้าถึงเจ้าของบ้านเลขที่และที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเท่านั้น ไม่ได้ระบุชื่อผู้รับแต่อย่างใด
          ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา วิมลไชยจิต พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.เชียงใหม่ พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ ศิริเดชอนันต์ ผกก.สภ.แม่ปิง เข้าตรวจสอบสำนักงานไปรษณีย์จังหวัดเชียงใหม่ ถนนเจริญเมือง ต.วัดเกตุ อ.เมืองเชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ว่ามีจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มอีกจำนวนมาก โดยนายบุญธรรม ประสงค์วรากิจ หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า พบจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญในหลายพื้นที่อีก 4,126 ฉบับ จากที่พบเมื่อวันที่ 13 ก.ค. รวม 2 วันพบรวมทั้งสิ้น 6,023 ฉบับ
          กกต.ถกคณาจารย์ฝ่ายต้าน รธน.
          ช่วงเช้าที่สำนักงาน กกต. เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง นำโดยนายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าพบนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เพื่อหารือกรณีการกระทำผิดเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ และการเพิ่มพื้นที่แสดงความเห็นโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นนายอนุสรณ์กล่าวว่า กลุ่มผู้เห็นต่างถูกดำเนินการจับกุม มีการดำเนินคดีแล้ว 113 คดี โดย 94 คดี เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าทำผิดประกาศ คสช. ทั้งที่เป็นเรื่องกระทำผิดกฎหมายประชามติ ขณะที่กลุ่มที่มีโน้มน้าวว่ารับร่างรัฐธรรมนูญ สามารถใช้กลไกรัฐได้โดยไม่ถูกจับกุม จึงมีข้อเสนอ 3 ข้อ ต่อ กกต. คือ ขอให้ส่งเสริมรณรงค์การทำประชามติได้อย่างเสรี สนับสนุนการอภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นในพื้นที่สาธารณะ และปกป้องคุ้มครองผู้ที่รณรงค์ตามกรอบกฎหมาย
          ฝากกล่อมเด็กเคลื่อนไหวในกรอบ
          นายสมชัยกล่าวว่า กรณีการจับกุมนักศึกษาที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ส่วนตัวยืนยันมาหลายครั้งว่า เอกสารดังกล่าวไม่ผิด ในการหารือกับ กรธ.จะยืนยันความเห็นนี้ แต่ถ้า กรธ.เห็นว่ามีความผิด สามารถแจ้งความดำเนินคดีอาญาได้ รวมถึงจะหารือประเด็นเอกสาร 7 เหตุผลไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (เอ็นดีเอ็ม) ที่ส่วนตัวเห็นว่าผิด ถ้า กรธ.เห็นตรงกันก็จะพิจารณาดำเนินการ แต่ควรทำความเข้าใจเพื่อให้ปรับปรุงให้ถูกต้อง เพราะเด็กอาจใจร้อนดื้อดึง คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูก โดยไม่สนใจสิ่งที่ถูกต้องแท้จริง จึงอยากให้เครือข่ายนักวิชาการฯชี้แนะทางที่ถูกต้องให้เด็ก เพื่อเคลื่อนไหวให้ถูกกฎหมาย
          เร่งตีปี๊บอัดข้อมูลช่วงโค้งสุดท้าย
          นายสมชัยกล่าวอีกว่า ส่วนข้อเรียกร้องขอให้เปิดพื้นที่ถกเถียงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญนั้น กำลังทาบทามสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งจัดรายการครั้งละ 50 นาที จำนวน 10 ครั้ง โดยจะเปิดโอกาสให้เครือข่ายฯ และนักศึกษามีส่วนร่วมในรายการ 40 เปอร์เซ็นต์ หรือ 4 ครั้ง ซึ่งจะหารือเรื่องนี้กับ กรธ. หากเห็นตรงกันจะบันทึกเทปรายการและออกอากาศได้ในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายก่อนลงประชามติ นอกจากนี้จะจัดพิมพ์เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเผยแพร่เพิ่มเติมในหนังสือพิมพ์สามฉบับในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลกว้างขวางมากขึ้น
          กกต.พร้อมเปิดเวทีให้ 2 ฝ่ายถกกัน
          ต่อมาช่วงบ่ายที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. เป็นประธานการประชุม โดยเชิญ กกต. ซึ่งส่งนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับการรณรงค์เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ และกรณีการเผยแพร่เอกสารบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนายสมชัยให้สัมภาษณ์ว่า มีการหารือ 2 แนวทาง คือ 1.ต้องสร้างบรรยากาศและเปิดโอกาสให้มีการถกเถียงภายใต้กรอบกติกา และไม่ผิดกฎหมาย 2.หารือถึงเอกสารที่อาจมีปัญหาเข้าข่ายบิดเบือนและข้อความเป็นเท็จ โดยเห็นตรงกันกรณีพบจดหมายแจกจ่ายใน จ.ลำปาง และ จ.เชียงใหม่ มี 3 ประการที่บิดเบือนผิดจากร่างรัฐธรรมนูญ คือ 1.ประเด็นเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค 2.สิทธิการเรียนฟรี 12 ปี และ 3.เบี้ยผู้สูงอายุ โดย กกต.จะแจ้ง กกต.จังหวัดและตำรวจในพื้นที่ให้ดำเนินคดีอาญา หรือประชาชนพบเห็นสามารถร้องเรียนได้เลย

  “มีชัย” สวดนักการเมืองไม่พัฒนา
          นายมีชัยกล่าวว่า กกต.ต้องช่วยดู ช่วยกันทุกฝ่าย เราไม่ได้มุ่งหวังกับการลงโทษ แต่หวังว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ข้อมูลเท็จทำให้ประชาชนเข้าใจผิด การเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาที่มีได้ แต่ถ้าเป็นการบิดเบือนให้ข้อมูลเท็จ ยิ่งถ้าคนที่ทำเป็นนักการเมือง จะสะท้อนให้เห็นว่าการเมืองไม่พัฒนา ถือเป็นอันตรายกับประชาชน วันนี้เราควรเริ่มใหม่ แก้ปัญหาในอดีต ทำบ้านเมืองให้ดีขึ้น เมื่อถามว่าสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่จะขอให้หน่วยงานความมั่นคงช่วยดูแลเป็นพิเศษหรือไม่ นายมีชัยตอบว่า กรธ.ไปไหนจะขออนุญาต คสช.ทุกครั้งเป็นเรื่องปกติ แต่ละคนมีหน้าที่เคารพสิทธิคนอื่น ถ้าไม่เรียนรู้เรื่องนี้สังคมจะหาความสงบได้ยาก โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องเรียนรู้ควบคู่กันไป ถ้าเราพบข้อความเท็จตรงไหนต้องรีบชี้แจงประชาชน โดยสื่อต้องช่วยกันเห็นแก่บ้านเมืองด้วย
          วอนอย่าถามถึงอนาคตปวดหัว
          เมื่อถามว่าฝั่งรัฐบาลเริ่มพูดถึงทางออกกรณีถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติแล้ว นายมีชัยตอบว่า ไม่เคยได้ยิน เราฟังสาธารณชนประชาชนผู้ลงประชามติ ถ้าประชามติไม่ผ่านก็ต้องทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะอย่างไรเสียประเทศนี้ก็ต้องมีรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ว่าจะอยู่กันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แต่จะมาคิดกันให้วุ่นวายไปทำไม แค่ทำให้ประชาชนรู้เนื้อหาสาระครบถ้วนก็ปวดหัวแทบแย่ อย่าไปคิดล่วงหน้า อะไรที่ยังไม่ถึงก็อย่าไปคิด ของบางอย่างคิดไปก็ปวดหัว
          มอบร่าง รธน.อักษรเบรลล์ให้ กรธ.
          ต่อมานายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในนามตัวแทนมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้าพบนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เพื่อนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับอักษรเบรลล์เพื่อคนตาบอด จำนวน 1,000 เล่ม มามอบให้กับ กรธ. เพื่อให้นำไปแจกจ่ายกับประชาชนผู้พิการทางสายตา โดยเฉพาะนักกฎหมายที่พิการทางสายตา ถือเป็นวิธีการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนทุกภาคส่วนทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีหนังสือเสียง ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งพร้อมให้ดาวน์โหลดผ่านเว็บไซต์ของ กรธ.ด้วย
          เอ็นดีเอ็มจี้ กรธ.แจงให้เคลียร์
          จากนั้น น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว และนายกรกช แสงเย็นพันธุ์ กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (เอ็นดีเอ็ม) เข้ายื่นหนังสือต่อ กรธ. เรียกร้องให้ กรธ. อธิบายรายละเอียดที่ได้จากการตรวจสอบเอกสารความเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญ ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายประชามติจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงข้อคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเท่านั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และให้เกิดความเป็นธรรมต่อการรณรงค์ประเด็นความเห็นของร่างรัฐธรรมนูญ ในจุดยืนของกลุ่มเอ็นดีเอ็มที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ
          “สมพงษ์” ดักคอต้องจับตัวการให้ได้
          นายสมพงษ์ สระกวี สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า กรณีเจ้าหน้าที่พบจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ เท่าที่เห็นตามข่าวไม่น่าใช่รัฐธรรมนูญปลอม แต่เป็นเอกสารจดหมายความเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบเพิ่มว่ามีเนื้อหาผิดกฎหมาย ใส่ร้าย บิดเบือน ควรจัดการตามเนื้อผ้า แต่ถ้าไม่ผิดกฎหมาย เป็นเพียงความเห็นแย้งกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิทธิที่ประชาชนทำได้ จะพิมพ์ออกมาฉบับเดียว หรือกี่ล้านฉบับ จะมีทุนหนาหรือไม่หนา ไม่สำคัญเท่าเอกสารที่ทำ ถ้าเนื้อหาไม่ใส่ร้าย บิดเบือน ก็ไม่น่ามีความผิด ไม่ควรเรียกว่าการปลอมร่างรัฐธรรมนูญ น่าจะให้ข่าวลือเรื่องร่างฯปลอมจบลงได้แล้ว แต่ถ้าเจ้าหน้าที่มั่นใจในข้อมูล ควรเร่งจับตัวการทุนหนาที่ว่ามาดำเนินคดีให้ได้ ก่อนวันลงประชามติวันที่ 7 ส.ค. เพื่อขจัดข้อกังขาที่อาจมองว่า รัฐบาลกำลังปล่อยข่าวดิสเครดิตฝ่ายที่เห็นต่าง
          ปชป.โวยตัดต่อไม่รับร่างว่อนเน็ต
          ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมีใส่คำพูดพร้อมภาพบุคคลของพรรค อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ และสมาชิกพรรคคนอื่น ส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้จัดทำขึ้น เท่าที่ดูมีความพยายามตัดต่อคำให้สัมภาษณ์ของสมาชิกพรรค โดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ อยากให้ กกต.ช่วยตรวจสอบว่าใครเป็นมือที่ 3 ที่ทำเรื่องนี้ และไม่ทราบว่าสมาชิกพรรคแต่ละคนพูดอย่างนั้นหรือไม่ ยืนยันพรรคไม่รับรู้อะไรด้วย
          “นิพิฏฐ์” ไม่ถือรอ “มาร์ค” โชว์จุดยืน
          ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ กล่าวว่า ข้อความที่ปรากฏไม่ได้เสียหายอะไร แต่พรรคไม่ได้เป็นผู้ทำ เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ เป็นกติกาที่ทุกคนต้องอยู่ร่วมกัน พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง เราต้องมีจุดยืนและท่าทีต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้แน่นอน เราจะไม่แสดงความเห็นไม่ได้ ขณะนี้ใกล้ลงประชามติแล้ว จึงต้องมีการแสดงท่าที โดยหัวหน้าพรรคต้องเป็นผู้แสดงท่าที เมื่อหัวหน้าพรรคแสดงท่าทีออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ทุกคนที่เป็นสมาชิกพรรคต้องเห็นด้วยในแนวทางนั้น
          “อ๋อย” ชี้ “บิ๊กตู่” ไร้สิทธิ์ร่างตามใจ
          ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกันใหม่ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่ต้องฟังความเห็นหลายฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ไม่สามารถทำได้ตามใจตามที่พูดทีเล่นทีจริง แต่เข้าใจว่าอยากเขียนเองจริง ถ้าเป็นแบบนั้นจะมีปัญหาเรื่องการยอมรับมาก อีกอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความรู้ในการเขียนกฎหมาย รวมถึงที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. บอกอาจได้ร่างที่โหดกว่าเดิม พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งไม่มีความสามารถร่างให้เลวร้ายกว่าร่าง กรธ. สะท้อนทั้ง 2 คน ที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ผิดหลักจริยธรรมร้ายแรง ข่มขู่ เพื่อให้ยอมรับร่าง ดีที่สุดเปิดให้ทุกฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ก่อนและหลังทำประชามติ จะได้ไม่เผชิญความวุ่นวาย ส่วนที่ประโคมข่าวเรื่องร่างรัฐธรรมนูญปลอม เจ้าหน้าที่ชี้แจงแล้วไม่ใช่ร่างปลอม เป็นความพยายามบิดเบือน
          ยังเชื่อ คสช.จะไม่เลื่อนโรดแม็ป
          นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศและแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่า คสช.จะไม่เลื่อนโรดแม็ปการเลือกตั้งออกไปจากปี 2560 เพราะทั้งนายกฯและรองนายกฯ ให้สัมภาษณ์เป็นสัญญาประชาคมไว้หลายครั้ง ทุกฝ่ายคงรู้แล้วว่าการขับเคลื่อนประเทศด้วยรัฐบาลรูปแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็น การคืนประชาธิปไตยที่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก ไม่ว่าผลประชามติเป็นอย่างไร เราต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือข้อเสนอให้เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายได้รณรงค์และแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมยังไม่ได้รับการตอบสนอง และที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือการทำโพลของบางสำนักที่ไม่รู้ที่มาที่ไป
          “เต้น” จวกวิชามารทำไม่เนียน
          นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า จดหมายที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบทางภาคเหนือนั้น น่าสนใจว่าเนื้อหาทั้งหมดคืออะไร เพื่อความโปร่งใสขอเรียกร้องให้กกต.นำเอกสารชุดที่จัดส่งถึงประชาชน กับจดหมายดังกล่าวมาเปิดเผยพร้อมกัน ให้สังคมรับรู้ข้อเท็จจริง และเปรียบเทียบว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะมองไม่เห็นประโยชน์ถ้าฝ่ายเห็นต่างกับร่างรัฐธรรมนูญจะใช้วิธีนี้ เพราะแค่แจกขัน แจกปฏิทินยังถูกจับ การส่งจดหมายปึกใหญ่ตู้เดียวเป็นพันฉบับย่อมคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นเป้าสังเกต การส่งจดหมายแบบจงใจให้ถูกจับได้ ส่อว่าจะเป็นวิชามาร สังคมควรพิจารณาว่าฝ่ายไหนที่ชี้นำมาตลอดว่ามีขบวนการปลอมร่าง และข่าวจับจดหมายได้ไปเข้าทางใคร ที่น่าแปลกใจอีกอย่างคือ ขณะที่โหมกระแสว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง คสช. กกต. และ กรธ. กลับบ่ายเบี่ยงที่จะเป็นผู้ดำเนินคดีโยนลูกกันไปมาเหมือนเป็นเผือกร้อนที่ไม่กล้าถือไว้ ถ้าอยากจับใครก็ลงมือตรงๆเลย ไปเสียเวลาจัดฉากสร้างละคร พอคนดูรู้ทันมันน่าอาย
          พท.สงสัยใครได้ประโยชน์กันแน่
          นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สรรพกำลังของรัฐบาลและคสช.ที่ระดมกันเข้าไปขนาดนั้น ไม่น่าเกินความสามารถที่จะทำความจริงให้ปรากฏ เรื่องการแจกเอกสารร่างฯปลอม แต่แปลกใจในท่าทีของรัฐบาลและ คสช.ที่เอาแต่ขี่ม้าเลียบค่าย ปฏิบัติการไอโอข่าวสารไปวันๆ ทำไมไม่ดำเนินการให้ถึงตัวผู้กระทำความผิดโดยเร็ว จะมีประชาชนกลุ่มไหนที่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่อยู่ จนสามารถจัดส่งไปรษณีย์ถึงผู้คนได้จำนวนมากขนาดนั้น ที่สำคัญประชาชนจะไปทำร่างฯปลอม ทำจดหมายบิดเบือนขึ้นมาเพื่ออะไร ในเมื่อแค่เนื้อหาในร่างฉบับจริง ประชาชนก็ตัดสินใจได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วว่าจะเห็นชอบหรือไม่ คงไม่มีใครสามารถเขียนร่างปลอมเพื่อให้แย่ไปกว่าร่างจริงได้ กลุ่มคนที่น่าสงสัยที่สุดคือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติการบางอย่างในอนาคตอันใกล้ การจำเพาะเจาะจงให้พบในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ภาคอื่น เช่น ภาคใต้ไม่พบ หรือไม่ได้ตรวจเป็นการหวังผลดิสเครดิตกันทางการเมืองหรือไม่
          “หมวดเจี๊ยบ” โต้ “ไก่อู” อย่าตีมึน
          ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้ พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า สะท้อนให้เห็นว่าโฆษกรัฐบาลไม่เข้าใจประเด็น และไม่ตระหนักว่าอะไรที่นายกรัฐมนตรีควรพูดและไม่ควรพูดกับประชาชน การใช้คำพูดของนายกฯในลักษณะคาบลูกคาบดอก เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม อะไรที่พูดแล้วกระทบความเชื่อมั่น หรือทำให้เกิดความคลุมเครือเกี่ยวกับกำหนดเวลาที่จะคืนประชาธิปไตยให้ประชาชน นายกฯย่อมไม่สมควรพูด โดยสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรพูดให้ชัดเจน คือโรดแม็ปหลังการออกเสียงประชามติ ไม่ใช่เก็บงำไว้ และรับรู้กันเฉพาะคนไม่กี่คน แล้วค่อยบอกให้ประชาชนรู้ทีหลัง
          เย้ย คสช.ก้าวไม่พ้นระบอบทักษิณ
          ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อช่วงวันที่ 9-10 ก.ค. กลุ่มอดีต ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย หลายสิบคน อาทิ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ นายสมบัติ รัตโน นายสิทธิชัย จรูญเนตร เดินทางไปพบและร่วมรับประทานอาหารกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง มีการพูดคุยถึงสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจ โดยอ้างคำพูดนายทักษิณกล่าวระหว่างพูดคุยว่า งานวันเกิดครบ 67 ปีที่ไม่จัด ไม่ได้มีใครมาขอคนในคสช.ไม่ได้ห้าม แต่เป็นเพราะผู้ใหญ่หลักชัยในบ้านเมืองยังเจ็บป่วย การที่เราจะมาสนุกสนานกัน คงไม่เหมาะ และไม่อยากพูดถึงการเมืองมากนัก พูดไปแล้วจะหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ตนออกจากประเทศมา 10 ปี แต่การเมืองยังวนอยู่ที่เดิม ยังพูดถึงระบอบทักษิณ ตนเก่งขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าเก่งขนาดนั้นทำไมอยู่ประเทศไทยไม่ได้
          ฟันธง “เหนือ–อีสาน” ไม่รับ รธน.
          นายทักษิณยังกล่าวอีกว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นสากล ทำให้อยู่ในเวทีโลกยาก หากรัฐธรรมนูญเป็นเช่นนี้จะทำให้เราตกยุค เป็นเรื่องยากที่จะประเมินว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่ แต่คนภาคเหนือและอีสานคงไม่รับ ภาคกลาง กทม. อาจกำลังยังตัดสินใจ จุดบอดคือ ทำไมไม่ให้คนชี้แจงว่าจะเห็นหรือไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ นายทักษิณยังได้สอบถามกลุ่มอดีต ส.ส.ว่า ถ้าเข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง อยากให้มีนโยบายอะไรออกมา เพื่อขอฟังความคิด เพราะตนคิดคนเดียวคงไม่ได้ ขอให้ช่วยๆกันคิด แต่เมื่ออดีต ส.ส.ถามย้ำถึงเรื่องประชามติอีกครั้งว่าถ้าประชามติไม่ผ่านจะทำอย่างไร นายทักษิณนิ่งไปชั่วครู่ก่อนตอบว่า “ผมก็ไม่รู้ แต่ถ้ามันผ่านล่ะมันต้องให้ผ่านไปก่อนถึงจะตอบได้ ยากที่จะบอกว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน”
          จัดเบิร์ธเดย์ที่จีนก่อนบินไปอังกฤษ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณยังไม่ยกเลิกการจัดงานวันเกิด 67 ปี ในวันที่ 26 ก.ค.ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เพียงแต่จัดเป็นการภายในกับครอบครัวและญาติสนิทเท่านั้น ช่วงนี้ยังพำนักที่ฮ่องกงสักระยะพบปะกับนักธุรกิจ และตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ เพื่อร่วมงานเทคโนโลยีด้านการแพทย์ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม จะเดินทางไปประเทศอังกฤษเช่นกัน
          ศาลปกครองสูงสุดตีตกสามคำร้อง
          วันเดียวกัน ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องในคดีหมายเลขแดง ที่ ฟ.15/2559 ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฟ้อง กกต. กรณี กกต.มีประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2559 ก่อนที่จะประกาศใช้บังคับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลใช้บังคับในวันที่ 23 เม.ย.2559 ว่าเป็นการกำหนดวันออกเสียงประชามติไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้ กกต.ชดใช้เงินที่จ่ายไปเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ศาลปกครองสูงสุดยังมีคำสั่งที่ 454/2559 ยืนตามตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง ที่มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของนายเรืองไกร ที่ยื่นฟ้องประธาน กรธ. ต่อศาลปกครองว่านำร่างรัฐธรรมนูญออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยที่ยังไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และกำหนดเวลารับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ
          นอกจากนี้ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องในคดีที่นายจอน อึ๊งภากรณ์ ผอ.โครงการอินเตอร์เน็ตกฎหมายเพื่อประชาชน (ไอลอว์) กับพวกรวม 13 คน ฟ้อง กกต.และประธาน กกต.ขอให้เพิกถอนประกาศ กกต. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติ และขอให้ระงับการออก อากาศรายการ “7 สิงหาประชามติร่วมใจ”
          สตง.ไล่สอบทุจริตอายแทน กทม.
          อีกเรื่อง นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กของ กทม. ว่า ได้แจ้งเตือน กทม.ไปตั้งแต่ก่อนการจัดซื้อแล้วว่า อาจไม่ตรงกับความต้องการที่จะนำไปใช้ในชุมชนที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก เมื่อนำไปทดสอบในสถานที่จริง ก็พบว่าไม่สามารถเข้าไปในชุมชนได้ จึงแจ้งเตือนไม่ให้จัดซื้อในลอตต่อไป เตือนไปในทุกขั้นตอน แต่ทราบว่าขณะนี้เตรียมงบประมาณจัดซื้อไว้ ซึ่งจะตรวจสอบพยานหลักฐานขยายผลต่อไปว่ามีการกระทำผิดหรือไม่ นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีอีกหลายเรื่องที่ สตง.ตรวจสอบ กทม.อยู่ อาทิ การปรับปรุงห้องทำงานของผู้ว่า กทม. การซื้อเครื่องสูบน้ำ เรือผิวน้ำ เป็นต้น เรียกว่าเราตรวจสอบจนคนตรวจ อาย จนถูกมองว่าทำไม สตง. จ้องสอบแต่เรื่อง กทม.
          มท.1 รอผลสอบยังไม่ปลด “ชายหมู”
          ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้มีการสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ภายหลัง สตง. มีมติให้ดำเนินคดีอาญาและวินัย หลังพบทุจริตโครงการค่าใช้จ่ายประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกำลังดำเนินการตรวจสอบพิจารณาภายใน 90 วัน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานความ คืบหน้ามายังตนเอง แต่หากผลสอบพบเข้าข่ายทุจริตจริงจะพิจารณาอีกครั้ง ส่วนกรณีนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้อง เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติสั่งปลด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์นั้นการจะใช้อำนาจดังกล่าวต้องรอให้ปรากฏข้อเท็จจริงก่อน
          ให้ปลัด กทม.แจ้งความเอาผิด
          ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กรณีที่กระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือถึง กทม. เพื่อแจ้งมติของ สตง. เพื่อให้ กทม.แจ้งความเอาผิดกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 13 ราย ภายใน 30 วัน ทั้งคดีอาญา วินัย และฐานละเมิดในโครงการไฟประดับบริเวณลานคนเมือง มูลค่า 39.5 ล้านบาทนั้น ได้มอบหมายให้ นพ.พีระพงษ์ สายเชื้อ ปลัด กทม. ดำเนินการ โดยตนจะไม่ไปก้าวก่ายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนการดำเนินการอื่นเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกระทรวงมหาดไทย แต่ขณะนี้กระบวนการทางกฎหมายยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ดังนั้นข้อกล่าวหาของ สตง.ก็ไม่ถือเป็นที่สิ้นสุดเช่นกัน เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้น อย่าใช้กระแสดังกล่าวมาโจมตี
          สนช.ล้มกระดานสรรหาผู้ตรวจฯ


  ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธาน ก่อนเริ่มการประชุม นายพรเพชร แจ้งต่อที่ประชุม สนช.ว่า จากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 40/2559 ให้ยกเลิกกระบวนการสรรหาและการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จนกว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะมีผลบังคับใช้หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นนั้น ทำให้กระบวนการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ของนายเรวัต วิศรุตเวช ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ กมธ.ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน มีอันตก ยกเลิกไป
          แฉคนดัน “เรวัต” ดื้อดึงจะเอาชนะ
          นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สนช. และกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวคงเป็นผลมาจากกระบวนการสรรหามีปัญหา ขณะนี้ใน สนช.มีการเคลื่อนไหวต่อต้านนายเรวัต ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินมาก เพราะก่อนหน้านี้ สนช.เคยลงมติไม่เห็นชอบให้นายเรวัตดำรงตำแหน่งดังกล่าว แม้จะได้คะแนนเสมอกัน 66 ต่อ 66 แต่มีการงดออกเสียง 24 เสียง เท่ากับว่า สนช.มีมติไม่รับ แต่ยังมีใครบางคนดื้อดึงจะเอาชนะ อยากได้คนที่ตัวเองต้องการ ทำให้เกิดแรงต้านขึ้น
          พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวถือว่าแก้ปัญหาได้เหมาะสม ถูกต้องตามจังหวะเวลา ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ถือเป็นความแตกแยกในสนช. เป็นแค่ความเห็นไม่ตรงกันเท่านั้น การที่ สนช. จะลงมติเปลี่ยนแปลงมาให้ความเห็นชอบนายเรวัต ต้องมีข้อมูลสนับสนุนดีพอ เพื่อให้ สนช.เชื่อใจว่า การลงมติรอบที่แล้วผิด จึงจะตอบคำถามสังคมได้ และอาจถูกขยายแผลสร้างความเสียหายแก่ สนช.ได้ หาก สนช.ล้มเหลว คสช.ก็จะล้มเหลว ประชาชนอาจเสื่อมศรัทธาตามไปด้วย
          “วิษณุ” เกรงรุนแรงจึงต้องสั่งเบรก
          นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำสั่งเรื่องงดเว้นการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ จนกว่ามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นการแก้ปัญหาได้ดี เพื่อระงับความรุนแรงไม่ให้เกิด ที่วันนี้มีกรณีเดียวคือการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน และดูจากคำสั่งไม่ได้มีผลกระทบอะไร เพราะคนที่ครบวาระจะให้ปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน อย่าเพิ่งสรรหาใหม่ แต่หากมีเสียชีวิตให้คนที่มีอยู่ทำหน้าที่ต่อไป เมื่อถามว่าเหตุใดมองการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินจะทำให้มีเหตุรุนแรง นายวิษณุตอบว่า “ถ้าไปที่สภาฯจะรู้ มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ควรเกิดขึ้น”
          “ศรีราชา” พ้นเก้าอี้หลัง คสช.มีคำสั่ง
          นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวจะมีผลทำให้นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ต้องพ้นจากการรักษาการประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งคำสั่งในข้อ 4 ระบุกรณีที่พ้นจากตำแหน่ง เพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระ ให้กรรมการองค์กรอิสระนั้นๆแล้วแต่กรณี ประกอบด้วยผู้ดำรงตำแหน่งเท่าที่เหลืออยู่ ดังนั้นจึงส่งผลให้นายศรีราชาต้องพ้นวาระลง เรื่องนี้นายศรีราชาก็รับทราบ ตีความในลักษณะเดียวกัน
          ม.44 คุ้มครอง “กสทช.–กสท.” ปิดสื่อ
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 41/2559 เรื่อง การกำกับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ทั้งนี้ข้อ 3 ประกาศ คสช.ที่ 97/2557 ข้อความอันเป็นเท็จ หรือส่อไปในทางหมิ่นประมาทสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ข่าวสารที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคสช. ถือเป็นเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาตรา 44 ให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ที่ทำตามอำนาจหน้าที่โดยสุจริต ได้รับความคุ้มครอง ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญาและทางวินัย แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับความเสียหาย ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
          ไม่คุ้มครองความรับผิดทางละเมิด
          ด้านนายประวิตร บุญเทียม ตุลาการศาลปกครอง สูงสุด ในฐานะรองโฆษกศาลปกครอง กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีผลต่อการพิจารณาคดีที่มีการฟ้องกสทช. ว่าทำให้เสียหายต่อศาลปกครอง โดยผู้ฟ้องยังสามารถพิสูจน์ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่กสทช.กล่าวหาได้ คำสั่งคสช.เป็นเพียงการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ กสทช.เท่านั้น แต่ไม่ได้คุ้มครองการกระทำผิดของหน่วยงาน ดังนั้นถ้ามีการพิสูจน์ว่าหน่วยงานทำผิดทางปกครอง ก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 15 ก.ค.เวลา 13.30น. ศาลปกครองกลาง เรียกไต่สวนคู่กรณีคดีบริษัทพีซ เทเลวิชั่น จำกัด ยื่นคำขอไต่สวนฉุกเฉินให้ระงับคำสั่งกสท.ที่มีมติสั่งระงับใช้ใบอนุญาต 30 วัน
          “เหวง” ชี้เป้าหวังให้พีซทีวีจอดำ
          นพ.เหวง โตจิราการ ผู้ดำเนินรายการและผู้บริหารบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด กล่าวว่า คำสั่ง ดังกล่าวของ คสช. คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า เพื่อลบล้างความผิด กสทช.ที่สั่งปิดพีซ ทีวี ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.58 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเพื่อคุ้มครอง กสทช.ไม่ให้ถูกฟ้องทางวินัย แพ่ง และอาญา ที่ออกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตออกอากาศของพีซ ทีวี และหาก กสทช.มีคำสั่งเพื่อยกเลิกคำสั่งปิดพีซ ทีวี ฉบับเดิม จากนั้นออกคำสั่งปิดพีซ ทีวี ฉบับใหม่ หากเป็นเช่นนี้ศาลจะยกเลิกการพิจารณาคดีที่ผ่านมา เพราะถือว่าเป็นเรื่องเก่า และถ้ามายื่นก่อนวันที่เป็นวันหยุดราชการเพียง 1 วัน จะทำให้พวกตนไม่สามารถยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้ทันแน่ ถ้า กสทช.บริสุทธิ์ใจ ควรแจ้งว่าจะดำเนินการอย่างไรอย่างน้อย 2-3 วันก่อนวันหยุด
          ร้องทบทวนติดดาบ กสทช.คุมสื่อ
          ด้านนายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวว่า เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในบรรยากาศก่อนการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ สื่อควรมีเสรีภาพในการแสดงความเห็น เพื่อให้สังคมมีข้อมูลรอบด้านที่สุด การมีคำสั่งนี้ทำให้สื่อรู้สึกว่า ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ อยากให้คสช.ทบทวน เพราะกสทช.มีกติกาที่ชัดเจนอยู่แล้ว ในคำสั่งเมื่อคุณพูดว่าประชาธิปไตย ก็ต้องเคารพกฎกติกาที่อยู่ภายใต้กรอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่แน่ใจว่า คสช.และ กสทช.มีข้อตกลงอะไรกัน มันทำให้บทบาท กสทช.ที่เป็นองค์กรอิสระ ถูกมองว่าถูก แทรกแซง และยิ่งทำให้คนตั้งคำถามถึงร่างกฎหมาย กสทช. ที่ขณะนี้อยู่ใน สนช.ว่าจะทำให้มีความเป็นอิสระแค่ไหน
          “วิษณุ” ปัดวุ่นไม่เกี่ยวปิดพีซทีวี
          นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่คุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช.และ กสท. เพราะที่ผ่านมาการทำงานของทั้ง 2 หน่วยงานไม่มีอะไรคุ้มครอง บางครั้งถูกฟ้อง เราจึงออกคำสั่งคุ้มครอง เพราะถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ตัดสิทธิของสถานีโทรทัศน์ที่จะเรียกร้องค่าเสียหาย เพราะถ้าทั้งสองหน่วยงานเลือกปฏิบัติ ลำเอียง หรือสองมาตรฐาน สามารถฟ้องได้เช่นกัน และ กสทช.กับ กสท.เอง ไม่มีอำนาจทำอะไรตาม อำเภอใจ ไม่มีอำนาจกระทำเกินกว่าเหตุด้วย ยืนยันการออกคำสั่งดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวีไปฟ้อง กสทช.ต่อศาลปกครองกลาง เพราะพิจารณาคำสั่งนี้มานานแล้ว แต่เพิ่งประกาศใช้ และมาตรการนี้จะไม่ส่งผลต่อบรรยากาศการทำประชามติ รวมทั้งจะไม่ส่งผลกระทบต่อสื่ออื่น
          นายกฯบินมองโกลประชุมอาเซม
          เมื่อเวลา 09.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกฯ และคณะ เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเจ็งกิส ข่าน กรุงอูลานบาตอร์ มองโกเลีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 11 ณ กรุงอูลานบาตอร์ มองโกเลีย ระหว่างวันที่ 14-16 ก.ค. โดยนายกฯจะหารือกับผู้นำในกลุ่มเอเชีย-ยุโรป และโอกาสนี้ นายกฯจะกล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงท่าทีของไทยต่อประเด็นที่สำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และส่งเสริมบทบาทไทยในเวทีพหุภาคี ผลักดันความเชื่อมโยง การพัฒนาอย่างยั่งยืน และความอยู่ดีกินดีของประชาชน และรับมือแก้ปัญหาความท้าทายต่างๆ โดยก่อนออกเดินทาง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้สัมภาษณ์ใดๆ


          ที่มา: www.thairath.co.th