- 22 ก.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่ทางดีเอไอ ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง และพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ และผู้ร่วมขบวนการ
โดยข้อหาแรก ร่วมกันครอบครอง ซึ่งสินค้าที่รู้ว่าไม่เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ผิดพ.ร.บ.สรรพสามิต 2527 มาตรา 161(1) และกฎหมายอาญามาตรา 83
ข้อหาที่ 2 ร่วมกันแจ้งข้อความเท็จลงในเอกสารราชการ และแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่ ผิดกฎหมายอาญามาตรา 137 และมาตรา267 ประกอบมาตรา 83.
ประกอบกับในวันนี้ ได้จับตัวนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ของทางสหรัฐอเมริกา
ล่าสุดทางสำนักข่าวทีนิวส์ ก็ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เกี่ยวกับประเด็นของ สมเด็จช่วง และประเด็ดของอดีตพระเณรคำ
โดยนายไพบูลย์ ได้เปิดเผยว่าทั้งสองคดีนั้นเป็นการดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างชัดเจนซึ่งก็เป็นแนวทางที่ทางดีเอสไอนั้นได้ปฏิบัติมาโดยตลอด เนื่องจากมีการตรวจสอบแล้วว่ามีความผิดและสามารถรู้ตัวผู้กระทำผิดจริง จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ส่วนในกรณีของพระธัมมชโยนั้น ซึ่งตอนนี้ก็มีการตรวจสอบแล้วว่ากระทำผิดกฎหมายจริงรวมถึงมีการออกหมายจับแล้ว และพระธัมมชโยนั้นยังอยู่ในวัด อีกไม่นานทางดีเอสไอ ก็ต้องมีการควบคุมตัวตามกฎหมายอย่างแน่นอน