- 23 ก.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่ทางดีเอไอ ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง และพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ และผู้ร่วมขบวนการ (อ่านข่าวเพิ่มเติม >>> http://headshot.tnews.co.th/contents/197181/"พระเมธีธรรมาจารย์" รู้แล้ว "สมเด็จช่วง" โดนคดีรถหรู ส่อแห้วสังฆราช จับตาการเคลื่อนไหว (รายละเอียด))
ล่าสุด วันที่ 23 กรกฎาคม เฟซบุ๊กพระมธีธรรมาจารย์ก็ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า ผลการประชุมขององค์กรพุทธและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ (ในช่วงภาวะวิกฤตของคณะสงฆ์ไทยเวลานี้)
การประชุมในวาระสำคัญในวันนี้ (23 กรกฎาคม 2559) ที่ประชุมได้กำหนดกรอบ แนวคิดและหลักปฏิบัติ ดังนี้
กรอบในการปรึกษาหารือภายหลัง กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ ได้แถลงผลการสอบรถยนต์โบราณในพิพิธภัณฑ์ของวัดปากน้ำภาษีเจริญ ดังนี้
1.ท่าทีของแต่และฝ่าย ซึ่งกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะทำงานได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อประเมิน สรุปและยืนยันถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย เช่น ภาครัฐ ผู้มีอำนาจ ฝ่ายคัดค้านรวมทั้งมวลชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบถึงจุดยืนที่ชัดเจนของแต่ละฝ่าย
2.สถานะที่แท้จริงของแต่ละฝ่าย ให้มีการวิเคราะห์ถึงสภาพภายในที่แท้จริงของทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าวว่าแท้จริงพวกเขามีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน อย่างไร วิเคราะห์ถึงปัจจัยที่อิงอาศัยและเกื้อหนุนซึ่งกันและกันในการดำเนินการของกลุ่มดังกล่าว รวมทั้งยุทธศาสตร์ว่ามีอะไรบ้าง และเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร
3.ศักยภาพในการดำเนินการ ให้วิเคราะห์ให้ละเอียดว่าภายในของแต่ละกลุ่มนั้นมีศักยภาพที่แท้จริงเป็นอย่างไร มีคนมากน้อยแค่ไหน เดินเกมอะไร อะไรคือฐานกำลังที่สนับสนุนให้ทำแบบนั้นและเหตุจูงใจในการเดินแต่ละครั้ง และอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่จะนำไปสู่เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาให้ได้
4.ปัจจัยทางการเมือง กลุ่มต่างๆ มีเหตุปัจจัยอะไรที่เป็นเรื่องทางการเมืองหนุนหลัง ใครเป็นคนของใคร ใครเป็นม้ารับใช้ใคร เพื่อทำลายใคร มีผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างไร ทำลายใครแล้วใครได้ใครเสีย และพระสงฆ์ คณะสงฆ์ พระพุทธศาสนาถูกนำไปเชื่อมโยงในเรื่องนี้ได้อย่างไร
5.ผลกระทบ วิเคราะห์ถึงผลกระทบของทุกภาคส่วนที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ว่าการกระทำทั้งหลายทั้งปวงนี้จะส่งผลกระทบต่อ คณะสงฆ์ พระพุทธศาสนาและประเทศชาติบ้านเมืองอย่างไร
6.ยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหว องค์กรพุทธและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศยืนยันว่าจะมีการเคลื่อนไหวทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดแน่นอนโดยให้มีการข่าวด้านลึกละเอียดรอบคอบ การรวบรวมข้อมูลให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลให้มีความแม่นยำ ถูกต้อง การกำหนดยุทธศาสตร์ให้ไวและทันต่อเหตุการณ์ การดำเนินการและเป้าหมายให้ชัดเจนเพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ
ในการนี้ องค์กรพุทธและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศได้มีมติในการเคลื่อนไหว 6 ข้อ
สำหรับมติสำคัญทั้ง 6 ข้อนั้นให้ถือเป็นความลับ ห้ามเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อไม่ให้ประสบปัญหาในทางปฏิบัติและเพื่อความปลอดภัยของมวลสมาชิกผู้นำไปปฏิบัติในทุกภาคส่วนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
ขอบคุณ พระเมธีธรรมาจารย์ - เจ้าคุณประสาร