นับถอยหลังประชามติ 7 สิงหาคม สถานการณ์ส่อเดือด-จับตาประชาธิปัตย์แถลงรับรัฐธรรมนูญหรือไม่

นับถอยหลังประชามติ 7 สิงหาคม สถานการณ์ส่อเดือด-จับตาประชาธิปัตย์แถลงรับรัฐธรรมนูญหรือไม่

 

เรียกว่าใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการออกเสียงประชามติที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งหลายฝ่ายก็มีความเป็นกังวงว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะมีความวุ่นวายและมีการปั่นป่วนมากยิ่งขึ้น

โดยล่าสุดจากกรณีที่มีการพบการทำร่างรัฐธรรมนูญปลอมส่งทางจดหมายตราครุฑก็พบแหล่งที่มาและสามารถจับกุมได้แล้ว

(23 ก.ค.) พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.เชียงใหม่ ร่วมกับ พล.ต.โกศล ปทุมชาติ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ได้สนธิกำลังตำรวจและทหาร เข้าตรวจค้นเป้าหมาย  6 จุด ในพื้นที่ อ.เมือง เชียงใหม่ เพื่อหาหลักฐานเอกสารใบปลิวต่อต้านไม่รับร่าง รธน.และจดหมายบิดเบือนร่าง

รธน. โดยจุดแรกเข้าตรวจค้นที่ บริษัท ทัศนาภรณ์ ถนนเชียงใหม่-สันกำแพง หมู่ 3 ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง เชียงใหม่ ซึ่งเป็นห้องทำงานของนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่

 

จากการตรวจค้นพบซองเปล่าเขียนจ่าหน้าซองถึงเจ้าของบ้าน ไม่ระบุชื่อ เป็นจำนวนมาก และยังพบเครื่องถ่ายเอกสาร และเอกสารอื่นๆ อีกจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้ยึดไว้ทั้งหมด จากนั้นเข้าตรวจค้นจุดอื่นๆ พื้นที่เป้าหมายอีก 5 จุด

พร้อมกัน โดยสามารถยึด รถ จยย.และชุดเสื้อผ้า พร้อมหมวกกันน็อก ที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นภาพขณะที่คนร้ายสวมใส่ชุดดังกล่าวแล้วขี่จักรยานยนต์ นำจดหมายไปหย่อนตามตู้ ปณ. ต่างๆ

 

จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าค้นบ้าน ใน ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ของนายวิศรุต ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบริษัทฯ ภายในบ้านพบรถจักรยานยนต์สีแดง และเครื่องแต่งกายตรงกับผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนหย่อนจดหมายลงตู้ไปรษณีย์ตามที่ต่างๆ ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ แต่ไม่พบนายวิศรุตคาดว่าจะหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว

ขณะที่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน กล่าวถึงการแจกใบปลิวต่อต้านการลงประชามติ ว่า ตนได้ลงพื้นที่หลายจังหวัดในภาคอีสานเกือบทุกสัปดาห์ โดยได้ติดตามและสอบถามว่าที่ผู้สมัครของพรรคและอดีต ส.ส.ในพื้นที่ทั่วๆไป ต่างบอกตรงกันว่าไม่พบความผิดปกติ แต่ยังจะตรวจสอบติดตามต่อไป ทั้งนี้เชื่อว่ารัฐบาลมีหน่วยงานที่ติดตามตรวจสอบหาต้นสายปลายเหตุได้ไม่ยาก

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคกลาง กล่าวว่า จากการสอบถามอดีตส.ส.พรรค ยังไม่พบข้อมูลที่ผิดปกติในพื้นที่ภาคกลาง แต่ได้ติดตามอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

 

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการแจกใบปลิวต่อต้านการลงประชามติ เป็นฝีมือของรัฐบาลเองหรือไม่นั้น ตนไม่คิดเช่นนั้น เพราะหากรัฐบาลทำ ก็จะเป็นการดิสเครดิตตัวเอง เพราะรัฐบาลเป็นเจ้าของประชามติ จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปดำเนินการเช่นนั้น.

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ ณ ขณะนี้นั้นกำลังถูกเพ็งเล็งไปที่ฝ่ายของพรรคประชาธิปัตย์ว่านายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ จะมีการแถลงจุดยืนของพรรคในการรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอย่างไร

หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ได้ไปร่วมลงชื่อกับกลุ่มเครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใย 16 องค์กร ซึ่งมีอยู่ด้วยดันทั้งหมด 117 คน ซึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับเงื่อนไขต่าง ๆ ของการทำประชามติจนถูกตั้งคำถามว่าท้ายที่สุดบรรดานักเลือกตั้งทั้งหลายจะเลือกที่จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่

โดยกลุ่มเครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใย 16 องค์กรแถลงท่าทีต่อการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 7 สิงหาคม 2559 ฉบับที่ 2 แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุข้อเรียกร้องจำนวน 5 ข้อ ได้แก่

1.ให้ความเคารพในสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน ในการแสดงความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญ เปิดให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ได้ถกแถลงด้วยข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้าน เอื้อให้มีพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัย เพื่อการแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์

2.จำเป็นต้องเสนอทางเลือกที่ชัดเจนให้กับประชาชน กรณีไม่ผ่านประชามติว่าจะมีกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญอย่างไรต่อไป

3.กรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ ควรมีกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มาจากฉันทามติผ่านกลไกที่ทุกกลุ่มทุกฝ่ายมีส่วนร่วมออกแบบกระบวนการ และกำหนดหลักการสำคัญในรัฐธรรมนูญเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย เป็นไปตามกรอบเวลาที่ประกาศไว้ในโรดแม็ปสู่การเลือกตั้ง และตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว

4.หากหลักการตามข้อเรียกร้องที่กล่าวมาข้างต้นเกิดขึ้นจริง ทุกกลุ่มควรยอมรับในผลของการทำประชามติ

5.รัฐธรรมนูญที่ได้มาควรมีหลักการสำคัญ อาทิ การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิของประชาชนในด้านต่างๆ ที่ไม่ถดถอยไปจากเดิม การตรวจสอบและถ่วงดุลการใช้อำนาจอธิปไตย ของกลไกทางการเมืองที่มีความสมดุล กำหนดมาตรการป้องกันการทุจริต และมาตรการป้องกันความขัดแย้งไม่ให้ขยายผลสู่การใช้ความรุนแรง รวมทั้งมีบทบัญญัติที่เอื้อให้ปรับเปลี่ยนแก้ไขรัฐธรรมนูญได้โดยไม่ยากเกินไป เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ และความเปลี่ยนแปลงของสังคมตามความจำเป็นและตามกรอบกฎหมาย

พูดได้ว่ายิ่งใกล้วันลงประชามติ 7 สิงหาคม เข้ามานั้นก็มีคนออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญมากขึ้น ซึ่งก็มีทั้งคนที่รับและไม่รับ

เริ่มกันที่  นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้จับมือกับพรรคเพื่อไทย เพื่อล้มร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต จากกรณีที่สมาชิกพรรคบางส่วนร่วมลงชื่อสนับสนุนแถลงการณ์ของกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใยประชามติ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยทิศทางประเทศ หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ และเปิดเวทีแสดงความคิดเห็น ที่สำคัญ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยคิดจับมือกับพรรคที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อตั้ง ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย จนถึงเพื่อไทย

ส่วนทางด้านของพระพุทธะอิสระนั้น ก็ได้มีการแสดงความคิเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ประเด็นของเครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใย ๑๖ องค์กร ระบุว่าที่จริงก็เห็นด้วยกับข้อกังวลที่กลุ่มเครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใยกังวล ถือเป็นความกังวลที่คนไทยรักชาติทุกคนต่างมีอยู่ด้วยกันทุกคนแต่ข้อห่วงใยกังวลที่พวกเรามีหาใช่กังวลว่าเมื่อไหร่จะมีประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะเลือกตั้ง พวกเรากังวลว่า การปฏิรูปบ้านเมืองยังไม่เรียบร้อย หากปล่อยให้มีการเลือกตั้งในเร็ววันบ้านเมืองคงต้องวุ่นวายอีก กังวลว่าจะเสียของอีก กังวลว่า วังวนแห่งการกินรวบประเทศไทยจะย้อนกลับมาอีกรอบหนึ่ง หากไม่มีรัฐบาลคสช.แล้ว การแก้ปัญหาของบ้านเมืองจะไม่เดินหน้า

มองผิวเผินที่กลุ่มเครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใย คือการหวังดีต่อบ้านเมือง

แต่หากจะมองอีกมุมหนึ่งก็คือบีบให้คสช.รีบๆ คืนอำนาจ พวกเขาจะได้รีบๆ เลือกตั้งช่างน่าเห็นใจคสช.ยิ่งนัก สู้อุตส่าห์ทุ่มเททำงานรับใช้ประชาชน แก้ปัญหาบ้านเมืองด้วยความจริงใจ สุจริตใจ แต่ต้องมาเจอคนไม่เห็นคุณค่า จ้องที่จะบ่อนทำลายการทำงานของคสช. ทั้งที่งานนั้นล้วนเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและคนทั้งประเทศก็ถือว่าเป็นสิทธิของทุกคนที่จะแสดงความคิดเห็นได้

และในฐานะของพญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ ผู้มีส่วนร่วมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง รวมทั้งพี่น้องประชาชนผู้มีหัวใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกคนก็มีสิทธิจะคิด มีสิทธิจะห่วงใยกังวลต่อสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้เหมือนกันทุกคนต่างกังวลและคิดตรงกันว่า อยากให้คสช.อยู่ต่อเพื่อทำการสะสางปัญหาและปฏิรูปบ้านเมืองให้สำเร็จในทุกมิติ จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย จึงเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

ที่พวกเราต้องการให้คสช.อยู่ต่อจนกว่าจะปฏิรูปสำเร็จ เพราะพวกเราไม่เชื่อใจนักการเมืองเหมือนที่พวกเราไม่เชื่อว่านักการเมืองจะไม่โกงไม่กินงบประมาณที่พวกตนมีอำนาจอนุมัติ

พวกเราไม่เชื่อว่านักการเมือง จะสามารถทวงคืนผืนป่าที่ถูกบุกรุกได้สำเร็จ

 

พวกเราไม่เชื่อว่าพวกนักการเมือง กล้าออกกฎหมายเก็บภาษีมรดกได้

 

พวกเราไม่เชื่อว่านักการเมือง จะแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายได้

 

พวกเราไม่เชื่อว่านักการเมือง จะแก้ปัญหาการบินพลเรือนที่เรื้อรังมานานจนต่างประเทศเขาตั้งข้อรังเกียจได้

 

พวกเราไม่เคยเชื่อว่านักการเมือง จะสามารถจัดโซนนิ่งเกษตรกรได้

 

พวกเราไม่เชื่อว่าพวกนักการเมือง จะทำให้บ้านเมืองนี้สงบสุขได้

 

พวกเราไม่เชื่อว่าพวกนักการเมืองและพรรคการเมือง จะทำให้สถาบันปลอดภัยได้

 

พวกเราไม่เชื่อว่าพวกนักการเมือง จะสามารถปราบปรามการโกงกินทุจริตคอรัปชั่นได้

 

พวกเราไม่เชื่อว่าพวกนักการเมืองและพรรคการเมือง จะปฏิรูปการศึกษาได้สำเร็จ

 

พวกเราไม่เชื่อว่าพวกนักการเมือง จะสามารถปราบธุรกิจสีเทาที่แพร่ขยายไปทุกหย่อมหญ้า

 

พวกเราไม่เคยเชื่อว่าพวกนักการเมือง จะสามารถปฏิรูปบ้านเมืองในทุกมิติได้

 

พวกเราไม่เชื่อว่ากลุ่มทุนการเมือง จะไม่มากินรวบประเทศไทย

 

พวกเราไม่เคยเชื่อเลยว่า พรรคการเมืองและนักการเมืองจะกำจัดลัทธิกินรวบอาณาจักรและศาสนจักรได้

 

และพวกเราก็ไม่เคยเชื่อว่าพวกนักการเมือง จะบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีข้อยกเว้น

แต่ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลคสช.พิสูจน์ให้พวกเราได้เห็นถึงความจริงใจ ความตั้งใจ ความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่หมักหมมมานานด้วยน้ำมือของพวกนักการเมืองและข้าราชการกระทำไว้

 

2 ปีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลคสช.ได้ทำให้พวกเราอุ่นใจ ปลอดภัย และไว้วางใจ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในยุคสมัยของพวกนักการเมืองมีอำนาจ

 

2 ปีกว่าที่ผ่านมาพวกเราเชื่อว่ารัฐบาลคสช.เขาตั้งใจที่จะทำเพื่อบ้านเมืองและอนาคตของลูกไทยหลานไทยอย่างแท้จริงเช่นนั้นรัฐธรรมนูญจะผ่านก็ช่าง ไม่ผ่านก็ได้แต่ขอให้รัฐบาลคสช.อยู่ต่อเพื่อทำการปฏิรูปในทุกมิติอันเป็นภารกิจหลักที่ต้องวางรากฐานอนาคตของประเทศให้แก่คนในชาติจนสำเร็จแล้วจึงคืนอำนาจสู่ประชาชนแต่ถ้าหากจะต้องมีการเลือกตั้งจริงๆ ก็ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก เพื่อสานต่อภารกิจที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จ

อำนาจของประชาชนอยู่ในมือของนักการเมืองมา ๘๓ ปีแล้ว แต่ก็มิได้ทำให้ประชาชนอุ่นใจ ปลอดภัย มั่นคงได้เท่ากับรัฐบาลคสช.ที่อยู่มาแค่ ๒ ปีกว่าเลย

พวกเราจึงใคร่ขอร้องพวกกระหายประชาธิปไตยอยากเลือกตั้งทั้งหลายว่า

ขอเวลาให้รัฐบาลคสช.เขาได้ทำหน้าที่ของลูกไทยหลานไทย ผู้มีหัวใจกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดไปก่อนจนกว่าจะปฏิรูปสำเร็จเถิดหรือไม่ก็ให้คุณประยุทธ์กลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้งเพื่อทำการปฏิรูปให้แล้วเสร็จไม่เช่นนั้นการเสียสละชีวิตเลือดเนื้อของพี่น้องที่เจ็บที่ตายอยู่บนถนนจะสูญเปล่าพวกเราเบื่อและเหนื่อยกับการต้องออกไปสู้บนถนนอีกแล้วพุทธะอิสระจึงขอเรียกร้องให้คนไทยทุกหมู่เหล่าออกไปใช้สิทธิลงคะแนนรับหรือไม่รับร่างตามแต่จะเห็นสมควรโดยไม่ให้ใครมาชี้นำ

ขณะที่ทางด้านของพล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนาผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ผมขอประกาศรับ ร่าง รธน.ปราบนักโกงเมือง และเห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมาจาก สส. ประชามติจะผ่านหรือไม่ผ่าน จะมีการเลือกตั้งปี 60 หรือไม่ บ้านเมืองจะเดินหน้าปฏิรูปได้หรือไม่ ผมไม่รู้สึกหวั่นเกรง

และหากจะต้องเผชิญหน้ากับขบวนการสามานย์อันประกอบด้วยผู้บริหารราชการแผ่นดิน ทั้งที่เป็นนักการเมืองชั่ว ข้าราชการเลว หรือแนวร่วมสามานย์ใดๆ ผมก็จะทำหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อดำรงไว้ซึ่งระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขต่อไป...ผมจะต่อต้านขบวนการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองใหม่ของขบวนการชั่ว โง่ ดัดจริต ร่วมกับประชาชนผู้ร่วมอุดมการณ์ พสกนิกรรักษาพระองค์ต่อไป

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อกมาระบุว่า กกต.จะไม่มีการนับคะแนนหน้าหน่วยออกเสียงประชามติ โดยระบุว่า มีไก่มาเพ่นพ่าน 2 ตัว

การนับคะแนนประชามติ ของ กกต. ยังคงเป็นเช่นเดียวกับการนับคะแนนเลือกตั้ง

คือการนับหน้าหน่วย ต่อหน้าประชาชน ไม่ได้มีมหัศจรรย์พันลึกใดๆ ตามที่ทั้งสองท่านจินตนาการ

ท่านแรก เป็นถึงอดีต รมต.ต่างประเทศบอกว่า กกต.จะเลิกนับคะแนนหน้าหน่วย มาจากไหน

 

ท่านที่สอง เป็นเลขาธิการพรรคใหญ่ลงลึกขนาดว่า จะไม่มีรายงานผลคะแนนหน้าหน่วย รู้ขนาดว่ามี fax 6 เครื่อง โทรศัพท์ 20 สาย เพื่อรายงาน 100,000 หน่วย

ถ้าข่าวกรองไม่ห่วย ก็ถือว่า มีจินตนาการสุดขอบฟ้า ที่ต้องออกมาชี้แจง ไม่ใช่ต้องการตอบโต้ทุกเม็ด แต่ต้องการไม่ให้ใครมาทำลายความน่าเชื่อถือ บนพื้นฐานข้อมูลที่ไม่ถูกต้องครับ เอาไก่กลับไปด้วยครับ